Page 13 - สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิเด็ก กรณีเห็นว่าการกำหนดแบบทรงผมของนักเรียนกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 13

ต่อมา พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ มีผลใช้บังคับ ซึ่งมาตรา ๓ บัญญัติมีความว่า
                 ให้ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยบทเฉพาะกาล

                 มาตรา ๘๘ บัญญัติมีความว่า  บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำาสั่งที่ออกโดย
                 อาศัยอำานาจตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ให้

                 คงใช้บังคับต่อไปได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้  จนกว่าจะมีการออกกฎกระทรวง  ข้อบังคับ
                 ระเบียบ ประกาศ หรือคำาสั่งตามพระราชบัญญัตินี้  ซึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖

                 หมวด ๗ การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา มาตรา ๖๓ บัญญัติว่า “โรงเรียนและ
                 สถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้คำาปรึกษา และฝึกอบรมแก่นักเรียน

                 นักศึกษา และผู้ปกครอง เพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความ
                 ปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำาหนดในกฎกระทรวง”

                 และมาตรา ๖๔ บัญญัติว่า “นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือ
                 สถานศึกษา และตามที่กำาหนดในกฎกระทรวง”

                           ต่อมา กระทรวงศึกษาธิการได้ออกกฎกระทรวงกำาหนดความประพฤติของนักเรียนและ
                 นักศึกษา พ.ศ.  ๒๕๔๘ โดยอาศัยอำานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติ

                 คุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖  อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำากัดสิทธิและ
                 เสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖

                 มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำาได้
                 โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย  ซึ่งกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำาหนดเกี่ยวกับเรื่อง

                 ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษา และให้โรงเรียนหรือสถานศึกษา กำาหนดระเบียบ
                 ว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้

                          โดยแนวปฏิบัติที่ผ่านมา จากการสอบถามไปยังสำานักงานคณะกรรมการการศึกษา
                 ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่มีการกำาหนดระเบียบอื่นนอกจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น โดยให้โรงเรียนหรือ

                 สถานศึกษาแต่ละแห่งจะเป็นผู้กำาหนดระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่นอกเหนือจากที่กฎกระทรวง
                 กำาหนดไว้  เนื่องจากกฎกระทรวงกำาหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นการ

                 กำาหนดเกี่ยวกับเรื่องความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษา  โดยไม่มีการกำาหนดเกี่ยวกับ
                 เรื่องแบบทรงผมของนักเรียน ดังนั้น กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕) และฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๘)

                 ซึ่งออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ซึ่งมี
                 การกำาหนดในเรื่องแบบของทรงผม กฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับจึงสามารถนำามาบังคับใช้ได้โดยอนุโลม

                 และจากการดำาเนินงานที่ผ่านมา สำานักนิติการ สำานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่เคยได้รับเรื่อง
                 ร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องทรงผมของนักเรียน

                          กระทรวงศึกษาธิการได้ใช้หลักการกระจายอำานาจการบริหารและการจัดการศึกษา โดยให้
                 สถานศึกษาใช้ดุลพินิจตามความเหมาะสม  ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖

                 มาตรา ๖๔ และกฎกระทรวงกำาหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๒ เพื่อให้
                 เกิดความยืดหยุ่นและไม่ขัดหรือแย้งตามที่กฎหมายกำาหนด


            12

            สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิเด็ก กรณีเห็นว่าการกำาหนดแบบทรงผมของนักเรียนกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
            และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18