Page 36 - มาตรฐานและแนวทางการดำเนินงานของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 36
2.1. การจัดตั้ง (Establishment)
สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะต้องจัดตั้งขึ้นโดยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่มีรายละเอียดเพียงพอ เพื่อที่จะแน่ใจได้ว่า
สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อบัญญัติที่ชัดเจนและมีความเป็นอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรมีการระบุบทบาท หน้าที่ อ�านาจ
และงบประมาณของสถาบันฯ และควรก�าหนดให้มีหน้าที่ในการด�าเนินการทั้งการส่งเสริมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กล่าวคือ
สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรมีการก�าหนดในข้อบัญญัติในกฎหมายให้มีหน้าที่ในการด�าเนินการ
ทั้งการส่งเสริมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
การส่งเสริม การคุ้มครอง
‘การส่งเสริม’ จะหมายรวมถึง การด�าเนินการ ‘การคุ้มครอง’ จะหมายรวมถึง การด�าเนินการ
ทุกอย่างที่จะสร้างสังคมให้เข้าใจและตระหนักถึง ทุกอย่างที่เป็นการหาแนวทางที่จะป้องกัน
สิทธิมนุษยชน และมีการเคารพสิทธิมนุษยชน การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น กระบวนการนี้
มากขึ้นในวงกว้าง การด�าเนินการในลักษณะนี้ รวมไปถึงการดูแล ตรวจสอบ แสวงหาข้อเท็จจริง
รวมถึงการศึกษา การฝึกอบรม การให้ค�าปรึกษา และรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และ
การประชาสัมพันธ์และการสื่อสารสาธารณะ อาจรวมถึงการจัดการกับข้อร้องเรียนของบุคคล
และชุมชนด้วย
บทบาทหน้าที่ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรจะก�าหนดไว้อย่างครอบคลุม มีวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน และเป็นไป
อย่างอิสระ เพื่อส่งเสริมงานด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงสิทธิต่าง ๆ ที่ก�าหนดไว้ในระดับสากล ระดับภูมิภาค และในประเทศ
รวมถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทหน้าที่ควรมีลักษณะดังนี้
สามารถส่งเสริมการปฏิบัติและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทั้งภาครัฐและเอกชน
มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นแก่สาธารณชน เพื่อสร้างความตระหนักในประเด็นสิทธิมนุษยชน และด�าเนินการด้าน
การศึกษาและหลักสูตรการฝึกอบรม
มีอ�านาจในการให้ค�าแนะน�าต่อรัฐบาลเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศ และสามารถสืบค้น
ข้อเท็จจริง ตลอดจนเอกสารต่าง ๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนได้
ได้รับอ�านาจเต็มที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อร้องเรียนต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทหาร ต�ารวจ และ
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง/ความปลอดภัย
35
มาตรฐานและแนวทางการด�าเนินงานของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ