Page 12 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 12

รายงานการศึกษาวิจัย  VII
                                                          การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี



                             โดยมีการเก็บขอมูลจากผูมีสวนไดสวนเสียใน 6 กลุม โดยวิธีการ ดังนี้


                             กลุม                                  ว  ิธีการ                      จํานวน
                  ผูติดเชื้อ                   การสัมภาษณเชิงลึก รวมกับการจัดสนทนากลุม แบบปรึกษาหารือ
                  - กลุมที่มีงาน               (deliberative focus group) ครอบคลุมพื้นที่เมือง-ชนบท และ    10 - 12  คน

                  - กลุมที่เคยถูกปฏิเสธ/เลิกจาง  ประเภทกิจการ
                  กลุมผูใกลชิดผูติดเชื้อ                                                      15 - 20  คน
                  กลุมนายจาง/เจาของสถานประกอบการ การสัมภาษณเชิงลึก รวมกับการจัดสนทนากลุม แบบปรึกษา     8 - 10  คน
                                                หารือ ครอบคลุมกิจการของรัฐ/รัฐวิสาหกิจ/เอกชน โดยเฉพาะ
                                                กิจการอาหารและกิจการตอเนื่อง, กิจการบริการ รวมกับการ
                                                ศึกษากรณีศึกษา
                  กลุมลูกจางในสถานประกอบการ   การจัดสนทนากลุมแบบปรึกษาหารือ                     8 - 10  คน

                  และตัวแทนสหภาพแรงงาน
                  กลุมเจาหนาที่รัฐ/เอกชน/    การสัมภาษณเชิงลึก รวมกับการจัดสนทนากลุม         8 - 10  คน
                  องคกรพัฒนาเอกชนที่ทํางานเกี่ยวของ  แบบปรึกษาหารือกับผูติดเชื้อ

                  กลุมผูเชี่ยวชาญดานเชื้อเอชไอวี  สัมภาษณเชิงลึก                               1 - 2   คน

                                 การสนทนากลุมในการวิจัยครั้งนี้ ไมใชการสนทนากลุมโดยทั่วไป แตเปนวิธีการที่พัฒนา
               มาจากการสํารวจความคิดเห็นแบบปรึกษาหารือ (Deliberative Polling) ซึ่งเปนวิธีการที่ James Fishkin

               ออกแบบโดยใหความสําคัญกระบวนการอภิปรายที่ผูเขารวมมีขอมูลมากเพียงพอ และสามารถชั่งนํ้าหนักของ
               ขอเสนอตาง ๆ ที่เกิดขึ้น คุณภาพของการปรึกษาหารือขึ้นอยูกับ ความสมบูรณในการเสนอประเด็นจากทุกฝาย

               ขอมูลที่มีความแมนยําในเชิงเหตุผล ความมีสํานึกในการตัดสินใจ (conscientiousness)
                                 โดยทั่วไป การคัดเลือกผูเขารวมสํารวจความคิดเห็นแบบปรึกษาหารือจะมาจากการสุมเลือก

               โดยพิจารณาความครอบคลุมของภูมิหลัง ความแตกตางทั้งในดานพื้นที่ ลักษณะประชากร โครงสรางของ
               กระบวนการสํารวจความคิดเห็นแบบปรึกษาหารือ ประกอบดวย การอภิปรายกลุมยอยโดยมีผูดําเนินการอภิปราย

               ที่มีประสบการณ  และการใหขอมูลจากผูเชี่ยวชาญในเวทีใหญที่ผูเขารวมมีโอกาสซักถาม และการสํารวจความคิด
               เห็นในขั้นสุดทาย โดยหลักการ ผูเขารวมกระบวนการจะมีโอกาสในการทบทวนสิ่งที่ฟงมาจากเวทีใหญกอนจะ

               ตัดสินใจตอบแบบสํารวจ การใหขอมูลกับผูเขารวมอยางรอบดานจึงเปนเรื่องสําคัญ ในบางกรณีอาจมีการใหขอมูล
               กับผูเขารวมเพื่อเปนการเตรียมการลวงหนาอีกดวย 3

                                 แตสําหรับในงานวิจัยครั้งนี้ จะปรับรูปแบบจากการสํารวจความเห็นมาเปนการสนทนากลุม
               ตั้งแตการเลือกผูเขารวมสนทนากลุม จะใชวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อใหไดผูที่สามารถใหขอมูลไดอยางชัดเจน

               ในเรื่องนั้น ๆ (ในขณะที่การสํารวจความเห็นแบบปรึกษาหารือใชการสุมเลือก) และในกระบวนการสนทนากลุมนี้
               จะมีขั้นตอน ดังนี้

                                   เริ่มจากการตั้งคําถามเบื้องตนถึงสภาพปญหา สาเหตุและปจจัยที่กอใหเกิดการเลือกปฏิบัติ
               ในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อ และผลกระทบที่เกิดขึ้น


               3   James Fishkin and Cynthia Farrar,. Deliberative Polling : From Experiment to Community Resource. InGastil, John and Levine,
                 Peter.eds. The Deliberative Democracy Handbook : Strategies for Effective Civic Engagement in the Twenty-First Century.
                 pp. 68-79. San Francisco : Jossey-Bass, 2005.
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17