Page 222 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยผลกระทบธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่กับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 222

213

                         บัตรประจําตัวใหเปนไปตามแบบที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
                         มาตรา ๑๙ ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ใหกรรมการ อนุกรรมการและพนักงานเจาหนาที่

                  เปนเจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

                                                            หมวด ๓

                                                การประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสง
                                                        ---------------------
                         มาตรา ๒๐ หามมิใหผูใดประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสงที่มีพื้นที่ทุกสาขารวมกันแลวเกินกวาหนึ่งแสน
                  ตารางเมตรโดยนับรวมกับธุรกิจที่ผูประกอบการฝายใดฝายหนึ่งเขาถือหุนหรือมีผูถือหุนรวมกันเกินกวาหนึ่งใน

                  หาสวนหรืออนุญาตใหใชสิทธิในทรัพยสินทางปญญา หรือสิทธิอยางอื่นในการประกอบธุรกิจดวย
                         ใหการประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสงอยางหนึ่งอยางใดดังตอไปนี้ เปนธุรกิจที่ตองขออนุญาตในการ
                  ประกอบธุรกิจ
                         (๑) ธุรกิจคาปลีกหรือคาสงที่มีขนาดพื้นที่ของสถานประกอบธุรกิจขายสินคารวมกันทุกสาขาตั้งแตหนึ่ง

                  หมื่นตารางเมตรขึ้นไป
                         พื้นที่ของสถานประกอบธุรกิจขายสินคา หมายความถึง พื้นที่รวมของทุกชั้นภายในอาคารและพื้นที่
                  ภายนอกอาคารที่ใชประกอบกิจการขายสินคา พื้นที่ที่ใหบุคคลอื่นเชาและคลังสินคาที่อยูในบริเวณเดียวกันหรือ
                  ตอเนื่องกับพื้นที่ที่ใชประกอบกิจการขายสินคา

                         (๒) ธุรกิจคาปลีกหรือคาสงที่มียอดรายไดหรือประมาณการรายไดรวมของทุกสาขาในปภาษีที่ผานมา
                  หรือประมาณการรายไดของแผนธุรกิจในปแรกรวมกันทุกสาขาตั้งแตหนึ่งพันลานบาทขึ้นไป
                         (๓) ธุรกิจคาปลีกหรือคาสงซึ่งผูประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสงไดรับอนุญาตจากผูประกอบธุรกิจคาปลีก
                  หรือคาสงตาม (๑) หรือ (๒) เขาเปนผูถือหุนหรือมีผูถือหุนรวมกันในกิจการนั้นเกินกวาหนึ่งในหาสวนของกิจการ

                         (๔) ธุรกิจคาปลีกหรือคาสงซึ่งผูประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสงไดรับอนุญาตจากผูประกอบธุรกิจคาปลีก
                  หรือคาสงตาม (๑) หรือ (๒) ใหใชสิทธิในทรัพยสินทางปญญา หรือสิทธิอยางอื่น เพื่อประกอบธุรกิจภายใน
                  ระยะเวลาหรือเขตพื้นที่ที่กําหนด และการประกอบธุรกิจนั้นอยูภายใตการสงเสริมและควบคุมตามแผนดําเนิน
                  ธุรกิจของบุคคลที่อนุญาตนั้น โดยผูประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสงมีหนาที่ตองจายคาตอบแทนการใชสิทธิ

                  ดังกลาว
                         มาตรา ๒๑ ใหฐมนตรีโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนดแยกประเภท
                  ธุรกิจคาปลีกหรือคาสงตามมาตรา ๒๐ และกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจคาปลีก

                  หรือคาสงในแตละประเภทแยกตางหากจากกัน
                         การกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจคาปลีกหรือคาสงตามวรรคแรก ใหกําหนด
                  หลักเกณฑเกี่ยวกับวันและเวลาของสถานประกอบธุรกิจ แตละประเภท ตามความเหมาะสม แตตองไมเกิน สิบหก
                  ชั่วโมงตอวัน และบริเวณที่ตั้งสถานประกอบธุรกิจ การจัดสิ่งอํานวยความสะดวกเทาที่จําเปนแกผูบริโภค หลักเกณฑ
                  วิธีการ และเงื่อนไขอื่นเทาที่จําเปนแกวัตถุประสงคในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยใหคํานึงถึงลักษณะ

                  ของธุรกิจคาปลีกหรือคาสงแตละประเภท วัฒนธรรม ประเพณี และสภาพสังคมในแตละทองถิ่น
                         มาตรา ๒๒ ในกรณีที่มีกฎหมายใดกําหนดหลักเกณฑวิธีการ และเงื่อนไขใดไวเปนการเฉพาะแลว การ
                  กําหนดหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขตามมาตรา ๒๑ ตองไมขัดกับกฎหมายนั้น
   217   218   219   220   221   222   223   224   225