Page 271 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยสาเหตุการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
P. 271
ตารางวิเคราะห์ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ต ารวจละเมิดสิทธิมนุษยชนจ านวน 109 คดี
ความเห็นคณะกรรมการสิทธิฯ ความเห็นของคณะผู้วิจัย
พฤติการณ์โดยย่อ (ผู้วิจัยสรุป)
ข้อเสนอแนะของผู้
ความเห็นผู้ตรวจสอบ ความเห็น ประเภทที่ละเมิด สาเหตุการละเมิด
ตรวจสอบ
1. เมื่อวันดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่ตํารวจ จํานวน 5 นาย ได้เข้ามาทํา จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นมี - 1.การจับและควบคุมเป็นการ 1. การจับ 1.1 เจตนาหรือจง
การจับกุมผู้ร้องและได้ควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกม.ไว้ที่สภ.แม่สอด พยานหลักฐานยืนยันได้ว่าผู้ร้องได้ กระท าที่มิชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ใจ หรือลุแก่
2. โดยอ้างว่าการหายตัวไปของ สิบตํารวจเอก ภูมินทร์ นั้นผู้ร้องมี ถูกทําร้ายร่างกายจริงและได้ถูก ไม่มีหลักฐานตามสมควรน่าเชื่อว่า อ านาจหรือใช้
ส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากผู้ร้องเคยเป็นลูกจ้างของสิบตํารวจเอก จับกุมโดยมิชอบด้วยกม.ดังนั้นจึง เขาเป็นผู้กระท าความผิดและท าร้าย อ านาจเกินขอบเขต
ดังกล่าว เห็นควรให้มีการพิจรณาลงโทษ ร่างกายเพื่อให้ผู้ต้องหาให้การรับ ไม่ปฏิบัติหน้าที่
3. ซึ่งในระหว่างการควบคุมตัวนั้นผู้ร้องก็ได้ถูกทําร้ายร่างกาย ทางวินัยและดําเนินคดีตาม สารภาพ อันเป็นความผิดตาม ป.อ. ตามกฎหมาย
บังคับให้รับสารภาพจนผู้ร้องได้รับบาดเจ็บ กฏหมายต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจ ม.157, 297 และ 310 2. การควบคุม 2.1 เจตนาหรือจง
4.โดยผู้ร้องมีพยานหลายคนให้การยืนยันว่าผู้ร้องโดนทําร้ายจริง ผู้กระทําความผิด ใจ หรือลุแก่
พร้อมทั้งมีผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ยืนยัน อ านาจหรือใช้
อ านาจเกินขอบเขต
ไม่ปฏิบัติหน้าที่
ตามกฎหมาย
1.เมื่อช่วงเดือนดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตํารวจทหารได้เข้ามาทําการ คณะอนุกรรมการมีความเห็นว่า - 1. เจ้าหน้าที่ทําการค้นโดยไม่มี 1. การค้น 1.1 เจตนาหรือจง
ตรวจค้นบ้านพักผู้ร้องโดยไม่มีหมายค้น หลายครั้งเพื่อตรวจหายา การกระทําของเจ้าหน้าที่ทหาร หมายค้น และไม่ทําการสืบสวน ใจ หรือลุแก่
เสพติดโดยอ้างว่าผู้ร้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดแต่ผล ตํารวจดังกล่าวนั้นน่าจะเกิดจาก แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน อํานาจหรือใช้
การค้นแต่ละครั้งก็ไม่พบยาเสพติดแต่อย่างใด สาเหตุการได้ข้อมูลมาคลาดเคลื่อน ให้มีหลักฐานตามสมควรเสียก่อนที่ อํานาจเกินขอบเขต
2.ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของ และพิจารณาประกอบข้อเท็จจริง จะเข้าทําการตรวจค้น อันเป็นการ ไม่ปฏิบัติหน้าที่
เจ้าหน้าที่ดังกล่าว 3.ต่อมาก็ได้มีหน่วยงานทางราชกาลออกมา แล้วก็พบว่าไม่พบสิ่งของผิด ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตาม ป.วิ.อ. ม.92 ตามกฎหมาย
ยอมรับก็คือ ร.ต.ท. ประสิทธิ์ นันดา พร้อมกับกองกําลังทหารใน กฏหมายในบ้านผู้ร้องแต่อย่างใด
พื้นที่ แต่ได้อ้างว่าได้กระทําไปโดยอาศัยอํานาจตามกฏอัยการศึก ดังนั้นจึงมีมติให้ทําการแก้ไขข้อมูล
ดังกล่าวพร้อมทั้งรับผิดชอบต่อ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเกียรติยศ
และชื่อเสียงของผู้ร้อง