Page 142 - การรวบรวมและวิเคราะห์เปรียบเทียบรายงานตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง แร่และสิ่งแวดล้อม ในอนุคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (พ.ศ.2544-2550)
P. 142
เช่นเดียวกับท่าเทียบเรือซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า แต่ไม่ต้องจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
นอกจากนี้มักพบว่าพื้นที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ และเป็นพื้นที่ที่ชาวประมงพื้นบ้านใช้
ประโยชน์ร่วมกันอยู่ในบริเวณที่มีทรัพยากรทางทะเล และความหลากหลายทางชีวภาพสูง ซึ่งผู้ใช้ประโยชน์ควรมีส่วน
ร่วมในการตัดสินใจ เนื่องจากการอนุญาตให้ใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ในทะเลที่ประชาชนใช้ร่วมกันแก่เอกชนรายใด
รายหนึ่ง เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิในการท ามาหากินของประมงพื้นบ้าน ท าให้ประชาชนถูกลิดรอนสิทธิจาก
วิถีทางแห่งการยังชีพของตน
ั่
2) การสร้างเขื่อน หรือก าแพงกันคลื่นทุกขนาดและทุกประเภท ทั้งประเภทที่ขนานกับชายฝง และที่
ยื่นออกไปในทะเล ยังไม่ถูกประกาศให้ต้องมีการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทั้งที่แทบ
ั่
ทุกแห่งล้วนสร้างผลกระทบให้เกิดการกัดเซาะชายฝงในบริเวณอื่นๆอย่างรุนแรงทั้งสิ้น
3) ท่าจอดเรือยอร์ช (เรือส าราญกีฬา) จะมีการออกแบบให้ใช้พื้นที่ทะเลในขนาดกว้าง ส่งผลกระทบ
ต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับท่าเทียบเรือซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า แต่ไม่อยู่ในเงื่อนไขให้มีการ
จัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และทุกแห่งขออนุญาตสร้างเป็นสิ่งล่วงล ้าลงในทะเล โดยขอ
อนุญาตเพียงกรมขนส่งทางน ้าและพาณิชยนาวี และจัดท ารายงานวิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นโดยพิจารณาจาก
ั
คณะกรรมการระดับจังหวัดซึ่งไม่สามารถแก้ไขปญหาความขัดแย้งกับพื้นที่ที่ชาวประมงพื้นบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ซึ่งผู้ใช้ประโยชน์ควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เนื่องจากการอนุญาตให้ใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ในทะเลที่
ประชาชนใช้ร่วมกัน แก่เอกชนรายใดรายหนึ่ง เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิในการท ามาหากินของประมง
พื้นบ้าน ท าให้ประชาชนถูกลิดรอนสิทธิจากวิถีทางแห่งการยังชีพของตน
4) ชุมชนประมงพื้นบ้านยังขาดการคุ้มครองจากรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดและ
จริงจัง ต่อกรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการท าประมงที่มีอยู่เดิม ต่อกรณีการท าประมงในเขตหวงห้าม ท า
ั่
ั
ให้เกิดปญหา เรืออวนรุน เรืออวนลาก เรือปนไฟปลากะตัก เรือคราดหอย และอุปกรณ์ประมงที่ท าลายล้างอื่น เข้าใน
ั
พื้นที่ประมงพื้นบ้าน นอกจากนี้ยังพบปญหาการเลือกปฏิบัติต่างๆต่อชาวเล กลุ่มอูรักลาโว้ย มอแกน และมอแกลน ซึ่ง
เป็นกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านดั้งเดิม
่
5) พบการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินริมทะเล และพื้นที่ใกล้เคียง ในพื้นที่เคยเป็นปาชายเลน อย่างไม่
ถูกต้องในหลายกรณี ส่งผลให้มีการพัฒนาโครงการและเกิดข้อพิพาทกับชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ก่อน
6) การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างโดยการถมทะเล บริเวณริมทะเลและกลางทะเล ที่โดยหลักการแล้วเป็น
พื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนมีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน
5.4.3 กรณีทรัพยากรธรณี
1) เหมืองหินอุตสาหกรรมหลายแห่งอนุญาตให้มีการเปลี่ยนชนิดแร่จากแร่ชนิดอื่น หรือเพิ่มเติม
ชนิดแร่ มาเป็น แร่หินอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องมีการจัดท ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
เพิ่มเติม และขาดกระบวนการมีส่วนร่วมจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและข้างเคียง (ทั้งสถานที่ตั้งเหมือง โรง
โม่หิน และเส้นทางการขนส่ง) นอกจากนี้ยังพบว่าหลังจากเลิกประกอบกิจการเหมืองหินอุตสาหกรรม มาตรการที่
ั
ก าหนดให้ปรับปรุงทัศนอุดจาดตามเงื่อนไขท้ายประทานบัตรเดิมยังไม่เพียงพอ และพบปญหาในการเว้นระยะห่าง
ระหว่างพื้นที่ประกอบกิจการเหมืองหินอุตสาหกรรมและโรงโม่หินกับแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ
2) เหมืองแร่ประเภทอื่นนอกจากเหมืองหินอุตสาหกรรม อาจมีการประกอบกิจการไม่เป็นไปตาม
เงื่อนไขท้ายใบอนุญาต หรือเงื่อนไขท้ายประทานบัตร เมื่อมีผลกระทบหรืออันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน
มักจะไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด นอกจากนี้การก าหนดค่าภาคหลวงแร่ ส าหรับกิจการบางประเภท
ต ่ามาก เช่น ทองค า ไม่คุ้มค่าต่อทรัพยากรอันมีค่าที่ใช้แล้วหมดไป
127