Page 97 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน ฉบับสมบูรณ์
P. 97
มันเครียดจะตายอยู่แล้ว พ่อแม่เค้าก็อายเพื่อนบ้าน อายอะไร การที่ให้เรียนแล้วก็จบ เด็กหลาย
คนที่ท้องที่จบก็ไปดี คนที่พลาดแล้วที่มาที่นี่คือคนที่กลับใจ ถ้าไม่กลับใจเค้าก็ไม่เข้ามา เราก็ต้อง
ส่งเสริมคนดีด้วย คนท้องไปมองท าไมว่าเป็นคนร้าย คนท้องมาประชุมครูจะเอาออก เอาเป็นเอา
ตายเลย ประชุมฝ่ายปกครองอยู่ไม่ได้ เดี๋ยวผู้ปกครองเค้าจะต าหนิ ชื่อเสียงเราจะตกต ่า คนท้อง
มาท าลายชื่อเสียงโรงเรียนด้วยเหรอ ไปเอาความคิดเก่าๆ โบราณมา ผมก็ไม่เห็นว่าจะแปลก
ตรงไหน ไม่เห็นแปลกเพราะว่าอะไร เพราะว่ารุ่นผมสมัยก่อนการศึกษาภาคบังคับ ป.๔ กี่ขวบ
ตอนหลังขยายมาเรียน ป.๗ แล้วก็มา ป.๖ พอจบ ป.๖ แต่งงานเลยก็มี ผมไม่ได้มั่วคือเวลาที่เด็ก
หรือว่าผู้ปกครองมาขอประวัติพ่อแม่ เวลาที่เด็กรับสมัคร จะมีจ านวนหนึ่งที่ไม่น้อยเลยที่แม่แก่กว่า
ลูกอายุ ๑๔ ปี มีมาแต่ในอดีต แต่พอช่วงหลังพอเราขยายการศึกษาภาคบังคับมาเป็น ม.๓ อายุ
๑๕ ทีนี้ ๑๓-๑๔ มาท้อง ถามว่าผิดปกติไหม เปล่าเลยแต่ว่าเมื่อก่อนอยู่นอกระบบโรงเรียน
เพราะว่าเด็กจบ ป.๔ มาแล้ว จบ ป.๖ มาแล้ว มันไม่เป็นข่าวเป็นชาวบ้าน ทีนี้พอไปอยู่โรงเรียน
เป็นข่าว เลยกลายว่าเป็นปัญหาระดับชาติ แต่ความจริงไม่ใช่หรอกเป็นเรื่องปกติ ธรรมชาติ ผมไป
เช็คดูว่า ๑๔-๑๕ ปี ชื่อแม่อายุแม่กับลูกบวกกัน รองผู้อ านวยการที่นี่มีอยู่คนหนึ่ง แม่เค้าตายไป
แล้ว เค้าก็เขียนชาตะ มรณะ ผมก็ถามรองผู้อ านวยการอายุเท่าไหร่ ๓๐ กว่า แม่อายุเท่าไหร่บวก
ลบแล้วแม่แก่กว่า ๑๔ ปี ตอนนี้เค้าไปสอบ ผอ.ได้แล้ว เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติทั่วไป
เพียงแต่เราฮือฮากันไปเอง ทีนี้พอเราขยายการศึกษาตรงนี้ก็ต้องเกิดแน่นอนอยู่แล้ว ลองขยาย
การศึกษาภาคบังคับไป ม.๖ สิเด็กท้องตึมเลย เพราะว่ามันโดยฮอร์โมน โดยธรรมชาติของเค้า ที
นี้ถ้าเราจะขยายเราต้องเตรียมเรื่องของหลักสูตร เรื่องครอบครัวศึกษา เรื่องการที่เราจะให้ข้อมูล
กับเค้าอย่างไร มีการป้ องกันในการเรียนรู้ทักษะชีวิต ในการที่จะจัดการเรื่องความต้องการ ทักษะ
การปฏิเสธ ไม่ใช่ตาเหลือกกับเรื่องนี้แล้วก็เอาออกจากโรงเรียนตัวเอง ซึ่งเป็นการจัดการที่ไม่
ถูกต้อง ครอบครัวเวลาที่มีลูกมา มีหนังสือเรื่องการเลี้ยงลูกที่แพทย์หญิงเขียน ใครเขียน เคยซื้อกัน
บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอานมมะลิชงให้กินก็ดีแล้ว เรื่องของการเตรียมตัวในการเป็นพ่อแม่ ครอบครัว
ศึกษา ต้องการสร้างความคุ้มกันเรื่องครอบครัวตั้งแต่พื้นฐานมาเลย จนกระทั่งมาถึงโรงเรียน
โรงเรียนก็ต้องเลิกด่าลูกให้พ่อแม่ฟัง ต้องปรับการสื่อสารกับพ่อแม่ และเด็ก”
เช่นเดียวกับควำมคิดเห็นของครูผู้ร่วมงำนที่ท ำงำนสนับสนุนให้โรงเรียนกลำยเป็นโรงเรียน
ทำงเลือกส ำหรับเยำวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมและเยำวชนที่ต้องออกออกจำกโรงเรียนกลำงคัน ด้วย
เหตุผลอื่นๆ ที่ยอมรับว่ำตนเองไม่ได้คิดในเรื่องสิทธิมนุษยชนมำก่อนแต่ท ำงำนบนควำมมีมนุษยธรรม โดย
กำรมองว่ำคนเรำมีโอกำสผิดพลำดได้ แต่สิ่งที่สังคมควรมีให้แก่กันคือโอกำส เช่น โอกำสทำงกำรศึกษำ
เป็นต้น
“เหมือนกับว่าเป็นการให้โอกาสเค้าไป คนเราผิดพลาดอาจจะเป็นด้วยเรื่องวัย เราก็รู้สึกว่าตอนที่
เราเป็นวัยรุ่นคือเราก็อาจจะมีพ่อแม่คอยบังคับ คือก็มีการนอกกรอบบ้าง แต่พ่อแม่คอยตบอยู่
๙๖