Page 93 - พระมหากษัตริย์กับงานสิทธิมนุษยชน
P. 93
“จึงทำาทฤษฎีใหม่เพื่อที่จะให้ประชาชนมีโอกาสทำาเกษตรกรรมให้พอกิน
ถ้านำ้ามีพอดีในปีไหน ก็สามารถที่จะประกอบการเกษตร หรือปลูกข้าวที่เรียกว่า นาปีได้
ถ้าต่อไปในหน้าแล้งนำ้ามีน้อย ก็สามารถที่จะใช้นำ้าที่กักไว้ในสระเก็บนำ้าของแต่ละแปลง
มาทำาการเพาะปลูก แม้แต่ข้าวก็ยังปลูกได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนชลประทานระบบใหญ่
เพราะมีของตัวเอง แต่ก็อาจจะปลูกผักหรือเลี้ยงปลาหรือทำาอะไร อื่นๆ ก็ได้”
ในการส่งเสริมทฤษฎีใหม่นั้น หน่วยงานราชการได้สนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนมาทำาการ
เกษตรแบบผสมผสาน โดยเน้นการมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายแทนการ
ปลูกพืชชนิดเดียว พระองค์ทรงแนะนำาให้ปลูกข้าวในฤดูทำานาที่มีการควบคุมการใช้นำ้า และปลูกพืชอื่นที่
เหมาะสมในฤดูแล้ง เช่น ถั่ว เป็นต้น ที่ดินนั้นต้องจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๔ ส่วน ตามอัตราส่วน ๓๐ :
๓๐ : ๓๐ : ๑๐ ซึ่งกำาหนดให้ขุดสระนำ้าตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับที่ดินสำาหรับใช้เก็บกักนำ้าเพื่อการ
เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และปลูกพืชนำ้าด้วย โดยพระองค์ทรงคำานวณไว้ว่า พื้นที่เพาะปลูกพืช ๑ ไร่
ต้องการนำ้าประมาณ ๑,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร จึงจะมีนำ้าพอใช้ตลอดปี
การจัดการเกษตรให้มีรูปแบบยั่งยืนนี้ต้องอาศัยการกำาจัดศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติ การจัดการ
นำ้าและดิน การเลี้ยงสัตว์ การปลูกพืชแบบผสมผสาน การปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อบำารุงดินให้มีความอุดม
สมบูรณ์ด้วย
พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์ กั บ ง า น สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น 93