Page 83 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 83
ข้อ ๒๔ นอกจากลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ ให้ส านักงานส่งรายชื่อผู้ได้รับเลือกตามวรรคสอง ให้ส านักงานเลขาธิการวุฒิสภาโดยเร็ว
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อตามข้อ ๒๓ จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ข้อ ๒๗ ในกรณีที่องค์กรเอกชนหรือสภาวิชาชีพใดขอยกเลิกการจดแจ้งตามข้อ ๑๓ ไม่ต่ออายุ
ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย การจดแจ้งตามข้อ ๑๔ ถูกเพิกถอนการจดแจ้งตามข้อ ๑๘ หรือผู้แทนที่ได้รับเลือกจากองค์กรเอกชน
(๒) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรเอกชน หรือเป็นสมาชิก หรือสภาวิชาชีพขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามข้อ ๒๔ ให้ผู้แทนที่ได้รับเลือกจากองค์กรเอกชน
ของสภาวิชาชีพที่ได้รับการจดแจ้ง หรือสภาวิชาชีพนั้น ๆ พ้นจากการเป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้วย ทั้งนี้
ให้ส านักงานด าเนินการตามข้อ ๒๕ ต่อไป
(๓) เป็นผู้มีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(๔) ไม่เป็นผู้แทนขององค์กรเอกชนหรือสภาวิชาชีพอื่นในขณะเดียวกัน ข้อ ๒๘ วาระการด ารงต าแหน่งและการพ้นจากต าแหน่งของผู้แทนองค์กรเอกชนและ
(๕) ไม่เคยถูกคณะกรรมการวินิจฉัยว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน สภาวิชาชีพที่ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้เป็นไป
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้เสนอก่อนมีการประชุมตามข้อ ๒๕ ไม่น้อยกว่าเจ็ดวันท าการ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
ทั้งนี้ ตามแบบที่ส านักงานก าหนด มาตรา ๑๒
ข้อ ๒๕ เมื่อมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บทเฉพาะกาล
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๑๑ ให้ส านักงานจัดให้มีการประชุมผู้แทนองค์กรเอกชนหรือสภาวิชาชีพแต่ละสภาตามข้อ ๒๓ ข้อ ๒๙ ให้องค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
แล้วแต่กรณีเพื่อเลือกกันเองให้เป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายใน ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบนี้ เป็นองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับ
สี่สิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีที่ต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การจดแจ้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยให้เลขาธิการหรือผู้ที่เลขาธิการมอบหมายด าเนินการประชุม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๑ วรรคสาม จนกว่าการรับรองนั้นจะสิ้นผลตามระเบียบนี้
ในการจัดการประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ส านักงานค านึงถึงการอ านวยความสะดวกทางกายภาพ ข้อ ๓๐ ในวาระเริ่มแรก ให้ส านักงานประกาศการรับจดแจ้งและด าเนินการรับจดแจ้งการเป็น
แก่คนพิการ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการน าเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกกันเองที่หลากหลาย
องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและสภาวิชาชีพแต่ละสภา ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่
ข้อ ๒๖ ในการประชุมตามข้อ ๒๕ จะต้องมีผู้แทนตามข้อ ๒๓ มาร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ การอุทธรณ์ค าสั่งตามระเบียบนี้ ไม่เป็นเหตุให้กระทบกระเทือนต่อระยะเวลา
จึงจะเป็นองค์ประชุม การด าเนินการดังกล่าว
ในการประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้แทนที่ประสงค์จะเป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชน ให้ส านักงานจัดให้มีการประชุมผู้แทนองค์กรเอกชนและสภาวิชาชีพแต่ละสภา เพื่อด าเนินการ
แห่งชาติแสดงแนวทางในการท าหน้าที่ของกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เลือกกันเองให้เป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่
ก่อนการลงคะแนนเสียง พ้นก าหนดการด าเนินการตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้แทนตามวรรคหนึ่งแต่ละคน มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกผู้แทนที่ประสงค์จะเป็นกรรมการ ข้อ ๓๑ การใดที่อยู่ระหว่างการด าเนินการตามระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เท่ากับจ านวนของผู้แทนองค์กรเอกชนหรือของผู้แทนสภาวิชาชีพ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการรับรององค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน พ.ศ. ๒๕๔๘ หรือตามข้อก าหนด
แต่ละสภาตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกาศ ค าสั่ง มติของคณะกรรมการ หรือหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ก าหนดไว้ แล้วแต่กรณี โดยวิธีการลงคะแนนลับ ให้ด าเนินการต่อไปตามระเบียบนี้
ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามวรรคสาม ต้องเป็น
ผู้ที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดตามล าดับของผู้แทนองค์กรเอกชนหรือของผู้แทนสภาวิชาชีพแต่ละสภา
แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ประกาศ ณ วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑
ในกรณีที่ผู้ได้รับคะแนนสูงสุดคนใดได้คะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้แทนองค์กรเอกชนหรือ วัส ติงสมิตร
ของผู้แทนสภาวิชาชีพแต่ละสภา ให้ที่ประชุมลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดห้าล าดับแรก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
จนกว่าจะได้คะแนนสูงสุดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
หากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ที่ประชุมลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่ได้คะแนน
เท่ากันจนกว่าจะได้ผู้ได้คะแนนสูงสุดตามวรรคสาม ตามจ านวนที่ยังขาดอยู่
74