Page 21 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 21
(๑๑) เคยต้องค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะ (๓) ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ
ร่ ารวยผิดปกติ หรือเคยต้องค าพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจ าคุก เพราะกระท าความผิดตามกฎหมาย (๔) ผู้แทนองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรละหนึ่งคน ซึ่งเลือกกันเองให้เหลือสามคน
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นกรรมการ
(๑๒) เคยต้องค าพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระท าความผิดต่อต าแหน่งหน้าที่ราชการ หรือ (๕) ผู้แทนสภาทนายความหนึ่งคน ผู้แทนสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข
ต่อต าแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระท าความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน เลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคน และผู้แทนสภาวิชาชีพสื่อมวลชนเลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคน เป็นกรรมการ
ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระท าโดยทุจริตตามประมวลกฎหมาย (๖) อาจารย์ประจ าหรือผู้เคยเป็นอาจารย์ประจ าในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งสอนหรือท างานวิจัย
อาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด หรือท างานด้านสิทธิมนุษยชนมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี ซึ่งกรรมการตาม (๑) (๒) (๓) (๔) และ
ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต น าเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ (๕) มีมติเลือกด้วยคะแนนเสียงสองในสาม หนึ่งคน เป็นกรรมการ
หรือเจ้าส านักกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน ให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา และให้ส านักงานเลขาธิการ
และปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน วุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหา
(๑๓) เคยต้องค าพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระท าการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนตาม (๔) และสภาวิชาชีพตาม (๕) ต้องเป็นองค์กรหรือ
(๑๔) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง สภาวิชาชีพที่ได้จดแจ้งไว้กับส านักงาน โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดแจ้ง การรับจดแจ้ง
(๑๕) เคยพ้นจากต าแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการ และการเลือกกันเองให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการก าหนด โดยต้องก าหนดให้มีการเลือกกันเอง
กระท าด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วน ให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีที่ต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ
ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย วิธีการเลือกกรรมการสรรหาตาม (๖) ให้เป็นไปตามที่กรรมการสรรหาตาม (๑) (๒) (๓) (๔)
(๑๖) เคยพ้นจากต าแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่ง และ (๕) ตกลงร่วมกัน ในกรณีที่พ้นก าหนดระยะเวลาตามวรรคสามแล้วยังไม่มีผู้ด ารงต าแหน่งกรรมการ
ทางการเมืองมีค าพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ ารวยผิดปกติ หรือกระท าความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ สรรหาตาม (๒) หรือ (๕) หรือมีไม่ครบไม่ว่าด้วยเหตุใดและมีผู้ด ารงต าแหน่งกรรมการสรรหาตาม (๔)
หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อ านาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือ อย่างน้อยหนึ่งคน ให้กรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่ด าเนินการตกลงและเลือกกรรมการสรรหาตาม (๖)
ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ได้ต่อไป โดยต้องด าเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นก าหนดระยะเวลาตามวรรคสาม
(๑๗) เคยได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระท า ในกรณีที่พ้นก าหนดเวลาการเลือกกรรมการสรรหาตาม (๖) แล้ว ยังไม่มีผู้ด ารงต าแหน่ง
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ กรรมการสรรหาตาม (๒) (๕) หรือ (๖) หรือมีไม่ครบไม่ว่าด้วยเหตุใดและมีผู้ด ารงต าแหน่งกรรมการ
(๑๘) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง หรือ สรรหาตาม (๔) อย่างน้อยหนึ่งคน ให้คณะกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อ านาจ
สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในระยะสิบปีก่อนเข้ารับการสรรหา ไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่
(๑๙) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ด ารงต าแหน่งอื่นของพรรคการเมืองในระยะสิบปีก่อนเข้ารับ มาตรา ๑๒ ให้กรรมการสรรหาตามมาตรา ๑๑ (๔) (๕) และ (๖) อยู่ในวาระการด ารงต าแหน่ง
การสรรหา จนถึงวันก่อนวันที่มีกรณีที่ต้องสรรหากรรมการใหม่ แต่ไม่รวมถึงการสรรหาใหม่หรือการสรรหาเพิ่มเติม
(๒๐) เป็นข้าราชการซึ่งมีต าแหน่งหรือเงินเดือนประจ า ตามมาตรา ๑๓ วรรคห้า มาตรา ๑๔ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๑๕ และให้กรรมการสรรหา
(๒๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือ ดังกล่าวพ้นจากต าแหน่งก่อนวาระเมื่อตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม
กรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสรรหาตามวรรคหนึ่งแล้ว จะเป็นกรรมการสรรหา
(๒๒) เป็นผู้ด ารงต าแหน่งใดในห้างหุ้นส่วนบริษัท หรือองค์กรที่ด าเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลก าไร ในคณะกรรมการสรรหาส าหรับศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอื่นในขณะเดียวกันมิได้
หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด ในกรณีที่ต าแหน่งกรรมการสรรหาว่างลง ให้ด าเนินการให้มีการเลือกกรรมการสรรหา
(๒๓) เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ แทนโดยเร็ว ในระหว่างที่ยังไม่ได้กรรมการสรรหาใหม่ ถ้ายังมีกรรมการสรรหาตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
(๒๔) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่
(๒๕) เป็นผู้ที่มีประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง
ให้ประธานกรรมการสรรหาและกรรมการสรรหาเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๑ เมื่อมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ให้เป็นหน้าที่ มาตรา ๑๓ ในการสรรหากรรมการ ให้คณะกรรมการสรรหาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม
และอ านาจของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งประกอบด้วย ไม่เลือกปฏิบัติ และปราศจากอคติทั้งปวง โดยอย่างน้อยการสรรหาต้องมีกระบวนการ ดังต่อไปนี้
(๑) ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ
(๒) ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้น าฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการ
12