Page 115 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 115
ข้อ ๖ ให้ส านักงานประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐในภูมิภาค ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตั้งศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนประจ าแต่ละภูมิภาคและจัดหา
อุปกรณ์ที่จ าเป็นต่อการปฏิบัติงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริง
กรณีมีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม
ข้อ ๗ ในกรณีที่มีการจัดตั้งศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคตามข้อ ๔ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการอ านวยการขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการด าเนินงานของศูนย์ศึกษาและ
ประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดให้มีระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์
คณะกรรมการอ านวยการตามวรรคหนึ่ง ให้มีองค์ประกอบคณะหนึ่งไม่เกินสิบเอ็ดคน ประกอบด้วย และวิธีการในการชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริง กรณีมีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
(๑) กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ ในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม
(๒) เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้อ านวยการส านักส่งเสริมการเคารพ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง มาตรา ๒๖ (๔) มาตรา ๒๗ (๕) มาตรา ๓๕
สิทธิมนุษยชน เป็นกรรมการ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๘ วรรคสอง และมาตรา ๔๙ (๙) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
(๓) ผู้แทนสถาบันการศึกษา ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ ผู้แทนภาคเอกชน หรือผู้แทนภาคประชาสังคม ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงออก
ในแต่ละภูมิภาค รวมกันไม่เกินเจ็ดคน เป็นกรรมการ ระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
(๔) ผู้อ านวยการกลุ่มงานศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค เป็นกรรมการ
และเลขานุการ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และ
ให้มีผู้ช่วยเลขานุการโดยแต่งตั้งจากเจ้าหน้าที่ส านักงาน หรือเจ้าหน้าที่ของสถาบันการศึกษา วิธีการในการชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริง กรณีมีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
หรือหน่วยงานของรัฐที่เป็นที่ตั้งศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค แล้วแต่กรณี ในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๖๔”
๑
ข้อ ๘ คณะกรรมการอ านวยการตามข้อ ๗ มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
(๑) ขับเคลื่อนการด าเนินงานตามหน้าที่และอ านาจของศูนย์ศึกษาและประสานงาน ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
ด้านสิทธิมนุษยชน “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(๒) ให้ค าแนะน าเกี่ยวกับการจัดท าแผนปฏิบัติการและการขอรับจัดสรรงบประมาณด าเนินงาน “ส านักงาน” หมายความว่า ส านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
รวมทั้งการบริหารจัดการศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน
(๓) จัดท ารายงานผลการด าเนินงานของศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรักษาการตามระเบียบนี้
ให้คณะกรรมการทราบ ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการก าหนด ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(๔) หน้าที่และอ านาจอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด
หมวด ๑
ข้อ ๙ ให้คณะกรรมการอ านวยการศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับ
การแต่งตั้งก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ เป็นคณะกรรมการอ านวยการตามระเบียบนี้ เว้นแต่คณะกรรมการ บททั่วไป
มีมติเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๕ รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรมต้องเป็น
ข้อ ๑๐ ให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรักษาการตามระเบียบนี้ รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยที่มีเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ที่คณะกรรมการเห็นว่ามีผลกระทบในวงกว้างที่อาจมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหรือ
มีข้อเท็จจริงที่ไม่สมบูรณ์ และอยู่ในวิสัยที่สามารถตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ รายงานตามวรรคหนึ่งต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ (๑) เป็นเรื่องที่มีลักษณะเป็นเอกสารการศึกษาในเชิงวิชาการ เอกสารการวิจัยหรือเอกสารอื่นใด
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ท าหน้าที่แทน ที่มีลักษณะท านองเดียวกัน
ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๘/ตอนพิเศษ ๔๒ ง/หน้า ๑/๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
106
