Page 19 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 19

10



                                  โทมัส ยัง (Thomas Young) นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ชาวอังกฤษ มีความเฉลียวฉลาด
                  ถึงขนาดที่พูดได้กว่า 12  ภาษา เป็นผู้คนพบการโฟกัสของดวงตามนุษย์  และมีความสามารถในการถอดรหัส
                  ได้หลากหลายแบบ เขาเขียนหนังสือเรื่อง “Natural Philosophy and the Mechanical Art” มีเนื้อหาที่

                  เกี่ยวกับทฤษฎีของแสงและงานค้นคว้าเรื่องสี เขาได้ให้สูตรเกี่ยวกับแม่สีทั้ง 3 สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีน้ําเงิน
                  ไว้เป็นทฤษฎีที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน (teen.mthai.com, 2015) โทมัส ยัง อาศัยปรากฏการณ์ที่ค้นพบนี้มาวิเคราะห์
                  ใหม่พบว่าสามารถลดสีปฐมภูมิ 7 สีของนิวตัน เหลือเป็นแม่สีเพียง 3 สีเท่านั้นคือสีน้ําเงิน สีเขียวและสีแดงที่
                  สามารถผสมกันเกิดเป็นสีต่างๆ ได้ จึงตั้งเป็นทฤษฎีอธิบายการมองเห็นสี (Color vision) ที่เรียกว่า Trichomatic
                  theory ขึ้นในปี ค.ศ.1802  การเกิดการผสมสีทั้ง  3 สีเข้าด้วยกันเรียก  Trichomatic matching ในผู้ชายบางคน

                  จะมีความบกพร่องในการมองเห็นสีประมาณ 2% ผู้ชายบางคนจะมีความบกพร่องในการมองเห็นสีได้ถึง 6%
                  สีบางสีที่บกพร่องไปอาจเกิดชั่วคราว จอประสาทตาของมนุษย์จะมี Photoreceptor ที่ทําหน้าที่รับแสงสีต่างๆ
                  คือ Cone cell 3 ชนิดที่มี Pigment 3 สี คือ สีน้ําเงิน, สีเขียวและสีแดง แยกกันอยู่ การที่เห็นสิ่งใดมีสีเนื่องจาก

                  ของสิ่งนั้นประกอบด้วย Pigment ที่สามารถดูดซึมแสงสีส่วนใหญ่ไว้ และสะท้อนแสงอีกช่วงความยาวคลื่นหนึ่ง
                  ที่อยู่ในแถบสีสเปคตรัม (400–700 NM) ผ่านทะลุมาถึงตา เช่น วัตถุหนึ่งเห็นเป็นสีดําเนื่องจากสามารถดูดซึมแสง
                  ทั้งหมดที่ตกกระทบ หรือที่เห็นเลือดเป็นสีแดงเพราะเลือดมี Pigment สีแดงที่สามารถดูดซึมแสงที่มีความยาวคลื่น
                  ต่ํากว่า 600 NM เอาไว้แล้วให้แสงที่มีความยาวคลื่นมากกว่าสะท้อนกลับหรือผ่านทะลุมาจนถึงจอประสาทตา

                  จนเกิดการกระตุ้น Red–sensitive cone ซึ่งภายในมี Visual pigment ที่สามารถดูดซึมแสงที่มีความยาวคลื่น
                  ช่วงนี้ (7600 NM) ได้ดีที่สุดตาม Spectral sensitive curves ดังนั้น จึงเห็นเป็นสีแดง ส่วนการที่เห็นวัตถุเป็น
                  สีขาวอาจเกิดจากวัตถุนั้นสะท้อนแสงทั้งหมดกลับมากระตุ้น Cone Cell ทั้งสามชนิดที่จอประสาทตาพร้อมกัน
                  หรือมิฉะนั้นก็อาจจะสะท้อนแสงที่เป็น Complementary pair มากระตุ้นจอประสาทตาขณะเดียวกันการกระตุ้น

                  Visual pigment 3 ชนิดนี้พร้อมกันในอัตราส่วนต่างกันได้มากมาย (Color discrimination) เช่นเดียวกับการผสมสี
                                  บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีจะมีความผิดปกติในการมองเห็นสี โดยจะไม่สามารถแยกสีต่างๆ
                  ได้ทั้ง 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเขียวและสีน้ําเงิน เพราะเซลล์ประสาทรับสี (Cone–pigment) ไม่ทํางานหรืออ่อน
                  กําลังลง  ผู้ที่เห็นสีผิดปกติ (Color deficiency) แบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ  (บริษัท ไฮลักซ์ออพติคอล โมบาย

                  จํากัด, ฝุายวิชาการ, 2558)
                                  1) Acquired defective color vision
                                    เป็นชนิดที่เกิดขึ้นภายหลัง เนื่องจากโรคของประสาทตาหรือจอรับภาพ เช่น โรคจอรับ

                  ภาพหลุดออก หรือโรคประสาทตาฝุอ มักพบเป็นการบอดสีน้ําเงิน-เหลือง และพบได้พอๆ กันทั้งชายและหญิง
                  ซึ่งจํานวนคนที่เป็นในกลุ่มนี้น้อยกว่ากลุ่มที่เป็นแต่กําเนิดมาก
                                  2) Congenital defective color vision
                                    เป็นชนิดที่เป็นมาแต่กําเนิด ตาบอดสีชนิดเป็นมาแต่กําเนิดนั้น แบ่งตาบอดสีได้เป็น 3 ชนิด
                  ได้แก่ ตาบอดสีแดง ตาบอดสีเขียว และตาบอดสีทั้งสีเขียวและสีแดง การที่ตาบอดสีใดสีหนึ่ง หรือแค่การเห็นสี

                  นั้นอ่อนลงจะทําให้การมองเห็นสีผิดไปจากความเป็นจริง เช่น ในบางสีส่วนผสมของสีแดงกับสีเขียวจะเห็นเป็น
                  สีเหลือง ถ้าบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีแดงจะเห็นแสงสีแดงกับสีเขียวกลายเป็นสีเหลือง และเห็นแสงสีเหลือง
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24