Page 490 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 490
่
่
และจังหวัดนครราชสีมา จํานวน 10 ปา เนื้อที่ 836,000 ไร่ แต่เนื่องจากบางปามีสภาพเสื่อมโทรม
่
่
บางส่วน และบางปาก็มีสภาพเสื่อมโทรมเกือบทั้งผืน กรมปาไม้จึงเห็นควรกําหนดเกณฑ์ในการดําเนิน
ปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ดังนี้
่
่
ปาที่มีสภาพเสื่อมโทรมบางส่วน กรมปาไม้จะดําเนินการรังวัดกันเขตให้สํานักงานการปฏิรูป
่
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมรับไปดําเนินการปฏิรูปเฉพาะส่วนที่เป็นปาเสื่อมโทรม และพิจารณาเห็นว่าจะใช้
่
เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย ส่วนบริเวณต้นนํ้าลําธาร เห็นควรกันไว้เป็นปาเพื่อการอนุรักษ์
่
ดินและนํ้า โดยการปรับปรุงสภาพปาหรือปลูกทดแทน
่
่
ปาที่มีสภาพเสื่อมโทรมทั้งผืนหรือเกือบทั้งผืน ซึ่งอาจมีปาเหลืออยู่เป็นหย่อมเล็ก หย่อมน้อย
ไม่ติดต่อกันเป็นผืนเดียว ถ้าจะนํามาจัดเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเสียทั้งหมด ก็น่าจะไม่เป็นผลดีในการ
อนุรักษ์ดิน นํ้า และธรรมชาติ และจะเกิดความขาดแคลนไม้สําหรับให้ราษฎรใช้สอยในอนาคต สมควร
่
เป็นพื้นที่ต้นนํ้าลําธารที่เป็นภูเขาสูงชัน และกันพื้นที่ไว้เพื่อสําหรับปรับปรุงสภาพปาหรือปลูกทดแทน
่
อีกไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของพื้นที่ปาทั้งหมด ทํานองเดียวกับข้อตกลงระหว่างกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์กับกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องการจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง หรือการจัดสรรที่ดินผืนใหญ่ ซึ่ง
่
ต้องกันพื้นที่ไว้เป็นปาไม้น้อยกว่าร้อยละ 20
่
่
สําหรับปาที่จะมอบให้สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมรับไปดําเนินการนั้น เป็นปา
สงวนแห่งชาติ เข้าลักษณะเป็นที่ดินของรัฐตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน
่
่
เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 กรมปาไม้จึงเห็นว่า การนําที่ปาสงวนแห่งชาติไปดําเนินการปฏิรูปที่ดิน
่
ได้ ต้องอาศัยอํานาจตามความมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติปาสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้อนุมัติให้บุคคลเข้าอยู่อาศัยหรือทําประโยชน์ในเขต
่
่
ปาสงวนแห่งชาติ และเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อนุมัติแล้ว กรมปาไม้จะ
ดําเนินการสํารวจรังวัด หมายแนวเขต ทําแผนที่ และคํานวณเนื้อที่ที่แน่นอน แล้วจึงออกหนังสือ
อนุญาตให้สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ ซึ่งการอนุญาตตามมาตรา 16 แห่ง
่
พระราชบัญญัติปาสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะต้องชําระ
ค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กําหนดด้วย
ต่อมาสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้ยื่นคําขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในเขตปา ่
่
่
สงสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติปาสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จํานวน 6 ปา ได้แก่
่
่
่
่
(1) ปาดงชุมพวง จ.นครราชสีมา (2) ปาแม่แตง จ.เชียงใหม่ (3) ปาเชียงดาว จ.เชียงใหม่ (4) ปาท่า
่
่
่
่
ฤทธิ์ ปาลําทองหลาง และปาลําพญากลาง จ.สระบุรี (5) ปาชัยบาดาล จ.ลพบุรี(6) ปาแควระบม และปา ่
่
สียัด จ.ฉะเชิงเทรา และได้นําเรื่องค่าธรรมเนียมในการอนุญาตเข้าทําประโยชน์ในเขตปาสงวน
่
แห่งชาติ จํานวน 6 ปา คิดเป็นเนื้อที่ 739,160.35 ไร่ ซึ่งสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้อง
ชําระค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตในอัตราไร่ละ 50 บาท คํานวณเป็นเงินทั้งหมด 36,958,017.50
บาทเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาในการประชุม ครั้งที่ 8/2520 เมื่อวันที่
8‐55