Page 106 - เสียงจากประชาชน การต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดิน กรณีร้องเรียน 2545-2550. เล่ม 4 : "ที่ดินในเขตป่าและสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและป่า"
P. 106

และพื้นที่ที่วางเปลา ซึ่งไมมีผูใดเขาไปทำกินหรือ หาเลี้ยงชีพ บางสวนเปนพื้นที่กรรมสิทธิ์และสิทธิ
               ใชประโยชน ควรใหคงไวเปนอุทยานแหงชาติ  ครอบครองโดยชอบดวยกฎหมายโดยมีโฉนด

               สวนพื้นที่ที่ราษฎรมีกรรมสิทธิ์หรือครอบครอง น.ส.๓, น.ส.๓ ก. และ ส.ค. ๑ เปนเหตุใหราษฎร
               โดยชอบดวยกฎหมาย และพื้นที่ที่ราษฎรไดใช ไดรับความเดือดรอนจริง คณะทำงานสอบสวน
               ทำกิน ควรเพิกถอนออกจากเขตอุทยานแหงชาติ  ขอเท็จจริงฯ  จึงไดกำหนดหลักเกณฑในการ
               ทั้งนี้ใหถือความเดือดรอนของราษฎรเปนหลัก พิจารณาไว ๒ ประเด็น คือ ประการแรกพื้นที่
               สำคัญ ปรากฏวา มีพื้นที่ควรกันออกจากเขต นั้นมีน้ำขังตลอดป และพื้นที่วางเปลา ไมมีผูใด

               อุทยานแหงชาติ ประมาณ ๑๖.๕ ตารางกิโลเมตร  เขาไปทำกินหรือใชประโยชนใหถือเปนอุทยาน
               (๑๐,๐๐๐ ไรเศษ) มอบใหจังหวัดประจวบคีรีขันธ  แหงชาติ ประการที่ ๒ พื้นที่ที่ราษฎรถือสิทธิ
               และกรมที่ดินเปนผูดูแลรับผิดชอบตอไป”     ครอบครอง หรือมีกรรมสิทธิ์โดยชอบดวยกฎหมาย

                     ตอมามีหนังสือจังหวัดประจวบคีรีขันธ ที่  และพื้นที่ที่ราษฎรใชทำกิน ควรเพิกถอนอุทยาน
               ปช. ๐๐๑๑/๒๔๕๖๕  ลงวันที่  ๒๑  ธันวาคม  แหงชาติ ทั้งนี้ใหดำเนินการโดยถือความเดือดรอน
               ๒๕๔๑ ลงนามโดย ม.ล.ประทีป จรูญโรจน รอง  ราษฎรเปนสำคัญ และกรมปาไมก็ไดเห็นชอบกับ
               ผูวาราชการจังหวัด ถึงอธิบดีกรมปาไม ความวา   การเปลี่ยนแปลงแนวเขตดังกลาว จึงไดเสนอ
                     “ตามที่จังหวัดประจวบคีรีขันธไดรับการ เรื่องใหคณะกรรมการอุทธยานแหงชาติพิจารณา

               รองเรียนจากราษฎรวาไดรับความเดือดรอนจาก เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๒๗ ที่ประชุมมีมติ
               การขยายแนวเขตอุทยานแหงชาติเขาสามรอย เห็นชอบดวย และใหกรมปาไมดำเนินการราง
               ยอด เมื่อป ๒๕๒๕ และไดมีการแตงตั้งคณะ พระราชกฤษฎีกาเสนอตามขั้นตอน และจนถึง

               ทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาตรวจสอบขอเท็จจริง ซึ่ง ปจจุบัน ก็ยังมิไดมีพระราชกฤษฎีกาดังกลาว
               ปรากฏขอเท็จจริงตามนัยบันทึกขอความกอง ยืดเยื้อมาจนถึงปจจุบันเปนเวลา ๑๐ กวาปแลว
               อุทยานแหงชาติ  กรมปาไม  ที่  กษ  ๐๗๑๓/ ขณะเดียวกันก็เกิดปญหามวลชนในพื้นที่ การที่
               ๑๓๑๙ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๓๓ เรื่อง ขอให อุทยานแหงชาติไดใชเครื่องจักรกลปรับพื้นที่ของ
               อุทยานแหงชาติเขาสามรอยยอดปกปายแนวเขต  ราษฎร”

               จังหวัดประประจวบคีรีขันธ พิจารณาแลวเห็นวา
               ปญหาความขัดแยงระหวางราษฎรในพื้นที่กับ °“√¥”‡π‘π°“√¢Õß§≥–Õπÿ°√√¡°“√ ‘∑∏‘
               อุทยานแหงชาติสามรอยยอดไดเปนปญหายืดเยื้อ „π°“√®—¥°“√∑’Ë¥‘π·≈–ªÉ“

               มาเปนเวลานาน และไดมีความพยายามจาก             การลงพื้นที่ตรวจสอบขอเท็จจริง และรับ
               หนวยงานที่เกี่ยวของในการแกไขปญหาตลอด ฟงคำชี้แจงจากกลุมผูรองซึ่งอยูในหลายตำบล
               มา จะเห็นไดจากการแตงตั้งคณะทำงานสอบสวน เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๘ และการจัด
               ขอเท็จจริงในกรณีการรองเรียนของราษฎรตาม  ประชุมรับฟงขอเท็จจริงรวมกับรองผูวาราชการ
               คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อป ๒๕๒๗ ซึ่งคณะ จังหวัดประจวบคีรีขันธ  และสวนราชการที่

               ทำงานสอบสวนขอเท็จจริงไดมีการประชุมเพื่อ เกี่ยวของ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๒๘ ไดมี
               พิจารณากรณีการคัดคานการขยายออกไปนั้น  มติรวมกันใหตั้งคณะทำงานรวมกันจากทุกฝาย
               ยังครอบคลุมพื้นที่ที่ราษฎรถือครองและใชเปนที่ เพื่อสำรวจพื้นที่ที่ไดรับผลกระทบอยางจริงจัง


                                                                              เสียงจากประชาชน
                                                     “ที่ดินในเขตปาและสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและปา”   105
   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111