Page 449 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 449

โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ :1111
                                                                  กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ | 391

             โดยไม่ค านึงถึงความแตกต่างทางวัย เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ภูมิหลัง ศาสนา ความพิการ ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือ

             สถานภาพอื่นใด
                    หากพิจารณาจากหลักการของการคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุข้างต้น ประเทศไทยได้มีการเตรียมการ
             รองรับมาตั้งแต่ก่อนปี 2546 โดยมีการบัญญัติการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 การ
             ประกาศปฏิญญาผู้สูงอายุในปี พ.ศ. 2542 และการตราพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และมีการแต่งตั้ง
             คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุ และการจัดหน่วยงานขึ้นรับผิดชอบใน

             กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบัน คือ กรมกิจการผู้สูงอายุ การคุ้มครองสิทธิของ
             ผู้สูงอายุภายใต้กฎหมาย นโยบายและมาตรการดังกล่าวจะเป็นการคุ้มครองสิทธิด้วยการให้สวัสดิการจากรัฐ
             และผู้สูงอายุเป็นผู้รับฝ่ายเดียว เนื่องจากเป็นกลุ่มประชากรที่เปราะบาง/อ่อนแอ ซึ่งอาจจะขัดต่อหลักการของ

             องค์การสหประชาชาติ กล่าวคือ หลักการ (1) การมีอิสรภาพในการพึ่งตนเอง (2) การมีส่วนร่วม (4) การบรรลุ
             ความต้องการ (Self-fulfillment) และ (5) ความมีศักดิ์ศรี
                    คณะวิจัยจึงมีข้อเสนอในการเตรียมการรองรับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของผู้สูงอายุ ต่อคณะกรรมการ
             สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อน าเสนอต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ดังนี้
                    1. การแก้ไขกฎหมายตั้งแต่ระดับรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ให้เพิ่มสิทธิใน

             การพึ่งตนเอง การมีส่วนร่วม การอุปการะเลี้ยงดู การบรรลุความต้องการ และความมีศักดิ์ศรี
                    2. ขยายบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติและกองทุนผู้สูงอายุให้ครอบคลุมสิทธิของ
             ผู้สูงอายุตามหลักการผู้สูงอายุขององค์การสหประชาชาติ นอกเหนือจากการให้เป็นสวัสดิการรัฐอย่างเดียว

                    3. การจัดระบบความมั่นคงทางสังคม (Social security system) ของประเทศ ในรูปแบบสากล คือ
             ระบบที่ประกอบไปด้วย ระบบประกันสังคม ที่เป็นระบบบ านาญ (Social insurance – Pension system)
             และระบบประกันสุขภาพ (Health insurance) และสวัสดิการสังคม (Social welfare) ที่เป็นการคุ้มครอง
             สิทธิของผู้สูงอายุเมื่อเกษียณและเมื่อพิการหรือไร้ความสามารถที่มีความมั่นคงและไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อ
             ผู้สูงอายุ

                    4. การจัดระบบสวัสดิการสังคม ให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในแต่ละด้านก าหนดโครงการทั้งในรูป
             ของบริการที่ไม่เสียเงิน และผู้ได้รับสวัสดิการร่วมเสียค่าใช้จ่าย และมีการก าหนดเกณฑ์ในการรับสวัสดิการ
             อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ

                    5. การจัดระบบการดูแลระยะยาวและระยะสุดท้าย ส าหรับการรองรับสิทธิของผู้สูงอายุในหลักการที่ 5
                    6. การจัดองค์กรหรือหน่วยงานปฏิบัติการในท้องถิ่น และ/หรือจัดช่องการในการเข้าถึงให้หลากหลาย
             เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงระบบประกันและระบบสวัสดิการได้สะดวก เช่น ศูนย์จัดหางานส าหรับผู้สูงอายุ
             ศูนย์บริการด้านสุขภาพ ด้านประกันสังคม ศูนย์ป้องกันการละเมิด ทารุณกรรม และการท าร้าย เป็นต้น
                    7. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในรูปแบบขององค์กรไม่แสวงหาก าไร เช่น Social

             enterprise มาให้บริการในชุมชนหรือท้องถิ่น
                    8. การประชาสัมพันธ์ การให้ความรู้เกี่ยวกับสังคมสูงอายุ การชราภาพ แก่ประชาชนทุกวัย เพื่อ
             ส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุ
   444   445   446   447   448   449   450   451   452   453   454