Page 231 - รายงานสรุปผลการดำเนินโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการคุ้มครองการละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิในที่ดิน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สำหรับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ระหว่างวันที่ 19-23 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
P. 231
แนวค าวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับสิทธิชุมชนกับสิ่งแวดล้อม
๒. ค ำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๔๘/๒๕๖๐
เมื่อผู้ฟ้องคดีทั้งหนึ่งร้อยคนเป็นประชาชนที่มีภูมิล าเนา และส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมอยู่ในพื้นที่พิพาท ซึ่ง
เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ใช้ท านา ท าสวน ท าไร่ เลี้ยงสัตว์ และการอยู่อาศัย มี
แม่น้ าสายส าคัญไหลผ่านสองสาย ซึ่งล้วนเป็นแหล่งน้ าส าคัญที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่ด ารงชีวิตอยู่ในวิถีเกษตรกรรมริมสองฝั่ง ผู้ฟ้อง
คดีทั้งหนึ่งร้อยคนย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือได้รับผลกระทบโดยตรงและมากเป็นพิเศษกว่าบุคคลทั่วไปที่มิได้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพ
ในพื้นที่ดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีทั้งหนึ่งร้อยคนจึงมีสิทธิมีส่วนร่วมในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความ
หลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้ด ารงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อ
สุขภาพอนามัย ฯลฯ และสิทธิดังกล่าวย่อมได้รับความคุ้มครองตามความเหมาะสม รวมทั้งมีสิทธิได้รับข้อมูล ฯลฯ จากหน่วยงานของรัฐ
ฯลฯ และสิทธิในการแสดงความคิดเห็นประกอบก่อนการอนุญาตหรือการด าเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพ
สิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของบุคคลหรือชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน าไปใช้ประกอบการพิจารณาในเรื่อง
ดังกล่าว ตามมาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ วรรคหนึ่ง และวรรคสามของรธน. ๒๕๕๐ เมื่อโรงไฟฟ้าในคดีนี้มีสถานที่
ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งใกล้เคียงกับบ้านเรือน โรงเรียน วัด ตลาด ศูนย์การเรียนรู้ และสถานที่อื่นของชุมชนของพื้นที่พิพาท และท้องที่เป็นพื้นที่
ที่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประกอบกับโรงไฟฟ้าชีวมวล (แกลบ) เป็นกิจการที่เสี่ยงต่อการก่อปัญหามลพิษทาง