Page 30 - คู่มือสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
P. 30

โดยอำศัยอ�ำนำจตำมกฎอัยกำรศึกจึงต้องอยู่ภำยในขอบเขตที่กฎหมำยให้อ�ำนำจ
                 โดยหลีกเลี่ยงกำรใช้ก�ำลังและอำวุธ หรือวิธีกำรใดที่จะน�ำไปสู่ควำมรุนแรงและ

                 กระทบสิทธิเกินสัดส่วน

                            ๓.๑.๑  แนวทางปฏิบัติในการค้นตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก
                 พระพุทธศักราช ๒๔๗๕

                                   ๑)  เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยทหำรอำจใช้อ�ำนำจตรวจค้นสิ่งต้องเกณฑ์

                 หรือต้องห้ำมหรือต้องยึดหรือต้องเข้ำอำศัย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วย
                 กฎหมำย หรือตรวจค้นตัวบุคคล ยำนพำหนะ เคหะสถำน สิ่งปลูกสร้ำง หรือที่ใดๆ

                 และไม่ว่ำเวลำใดๆ (มำตรำ ๙ (๑))
                                   ๒)  ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ำ  บุคคลใดจะเป็นรำชศัตรู

                 หรือได้ฝ่ำฝืนต่อบทบัญญัติของพระรำชบัญญัตินี้ หรือต่อค�ำสั่งของเจ้ำหน้ำที่ทหำร

                 เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยทหำรมีอ�ำนำจกักตัวบุคคลนั้นไว้ เพื่อสอบถำมตำมควำมจ�ำเป็นของ
                 ทำงรำชกำรได้ไม่เกิน ๗ วัน (มำตรำ ๑๕ ทวิ)

                                   ๓)  ในกรณีที่เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยทหำรปฏิบัติหน้ำที่ในกำรตรวจค้น
                 เกณฑ์ ห้ำม ยึด เข้ำอำศัย ท�ำลำยหรือเปลี่ยนแปลงสถำนที่ ขับไล่ กักตัวบุคคลเพื่อ

                 กำรสอบถำมตำมควำมจ�ำเป็นของทำงรำชกำรทหำร ภำยในขอบเขตของกฎหมำยและ

                 ด้วยควำมสุจริต เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยทหำรไม่มีควำมรับผิด แต่หำกเจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยทหำรใช้
                 อ�ำนำจเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกรณีจ�ำเป็นเพื่อป้องกัน  ย่อมต้องรับผิดต่อควำม

                 เสียหำยที่เกิดขึ้น








                                                   คู่มือสิทธิมนุษยชนศึกษาส�าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒๙



               18-9-62.indd   29                                              18/9/2562   21:58:35
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35