Page 149 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 149
กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
หน้า ๒๙
เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑
(๑) เป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย
(๒) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรเอกชน หรือเป็นสมาชิก
ของสภาวิชาชีพที่ได้รับการจดแจ้ง
(๓) เป็นผู้มีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(๔) ไม่เป็นผู้แทนขององค์กรเอกชนหรือสภาวิชาชีพอื่นในขณะเดียวกัน
(๕) ไม่เคยถูกคณะกรรมการวินิจฉัยว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้เสนอก่อนมีการประชุมตามข้อ ๒๕ ไม่น้อยกว่าเจ็ดวันทําการ
ทั้งนี้ ตามแบบที่สํานักงานกําหนด
ข้อ ๒๕ เมื่อมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๑๑ ให้สํานักงานจัดให้มีการประชุมผู้แทนองค์กรเอกชนหรือสภาวิชาชีพแต่ละสภาตามข้อ ๒๓
แล้วแต่กรณีเพื่อเลือกกันเองให้เป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายใน
สี่สิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีที่ต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยให้เลขาธิการหรือผู้ที่เลขาธิการมอบหมายดําเนินการประชุม
ในการจัดการประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้สํานักงานคํานึงถึงการอํานวยความสะดวกทางกายภาพ
แก่คนพิการ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการนําเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกกันเองที่หลากหลาย
ข้อ ๒๖ ในการประชุมตามข้อ ๒๕ จะต้องมีผู้แทนตามข้อ ๒๓ มาร่วมประชุมไม่น้อยกว่า
กึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้แทนที่ประสงค์จะเป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
แสดงแนวทางในการทําหน้าที่ของกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก่อนการลงคะแนนเสียง
ให้ผู้แทนตามวรรคหนึ่งแต่ละคน มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกผู้แทนที่ประสงค์จะเป็นกรรมการ
สรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เท่ากับจํานวนของผู้แทนองค์กรเอกชนหรือของผู้แทนสภาวิชาชีพ
แต่ละสภาตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
กําหนดไว้ แล้วแต่กรณี โดยวิธีการลงคะแนนลับ
ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามวรรคสาม ต้องเป็นผู้ที่
ได้คะแนนเสียงสูงสุดตามลําดับของผู้แทนองค์กรเอกชนหรือของผู้แทนสภาวิชาชีพแต่ละสภา แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ในกรณีที่ผู้ได้รับคะแนนสูงสุดคนใดได้คะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้แทนองค์กรเอกชนหรือ
ของผู้แทนสภาวิชาชีพแต่ละสภา ให้ที่ประชุมลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดห้าลําดับแรกจนกว่า
จะได้คะแนนสูงสุดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
หากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ที่ประชุมลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่ได้คะแนน
เท่ากันจนกว่าจะได้ผู้ได้คะแนนสูงสุดตามวรรคสาม ตามจํานวนที่ยังขาดอยู่
140
.indd 140 27/8/2562 12:27:35