Page 43 - รายงานการติดตามการลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศ : ผลกระทบต่อชุมชน สิ่งแวดล้อม และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
P. 43

กรณีศึกษาโครงการลงทุนโดยตรงของไทยในลาว





               ของหน่วยงานในก�ากับ  ดังเช่นกรณีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้า
               ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กับ บจก. ไซยะบุรี พาวเวอร์ ซึ่ง กฟผ. มีสถานะเป็น
               ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในสัญญา
                      การมีส่วนแบ่งรายได้จากการขายไฟฟ้าในบริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์ ของ
               การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน  บมจ.  ผลิตไฟฟ้า

               (EGCO) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน บจก. ไซยะบุรี พาวเวอร์
                      การด�าเนินการศึกษาผลกระทบที่ล่าช้าและการปิดบังข้อมูลของหน่วยงาน
               ที่รับผิดชอบ  กรณีกรมทรัพยากรน�้าเพิกเฉยต่อข้อมูลในรายงานการศึกษาข้อมูล
               ผลกระทบข้ามพรมแดนโดยส�านักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น�้าโขง (Mekong
               River Commission: MRC) ในรายงาน SEA ตุลาคม 2010 แสดงถึงการไม่ปกป้อง
               ประโยชน์สาธารณะตามหน้าที่และการด�าเนินการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนของ
               กรมทรัพยากรน�้า  เพิ่งเริ่มต้นขึ้นภายหลังจากที่มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
               และเขื่อนไซยะบุรีได้เริ่มก่อสร้างไปถึง 2 ปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้อ�านาจในการรับรอง
               สถานะของกระบวนการ  PNPCA  ต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า
                                                                       40
               สิ้นสุดลงแล้ว และการสร้างเขื่อนไซยะบุรีอยู่ในเขตอ�านาจอธิปไตยของสปป.ลาว โดย
               ไม่น�าเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแม่น�้าโขงแห่งชาติไทย และกรมทรัพยากรน�้า
                                        41
               ยังทราบดีว่ากระบวนการ PNPCA   ของเขื่อนไซยะบุรี ถึงแม้จะสิ้นสุดตามกรอบเวลา
               แต่ยังไม่สามารถหาข้อยุติในเชิงเนื้อหาได้  จนเป็นเหตุผลส�าคัญที่ท�าให้กระทรวง
               พลังงาน ได้อนุมัติให้ กฟผ. สามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า





               40  หนังสือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทส 0630/2723, 26 ตุลาคม 2554
               41  ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน�้าโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538  คณะกรรมาธิการ
               แม่น�้าโขง ได้วางแนวทางปฏิบัติในกรณีการสร้างเขื่อนบนแม่น�้าโขง ต้องเข้าสู่กระบวนการตามระเบียบ
               ปฏิบัติเรื่องการแจ้ง  การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง (Procedures for Notification, Prior Con-
               sultationและAgreement:  PNPCA)  โดยมีคณะกรรมการร่วมจาก  4  ประเทศสมาชิกร่วมท�าหน้าที่
               พิจารณา ในกรอบระยะเวลา 6 เดือนและสามารถขยายระยะเวลาได้ การเห็นชอบของคณะกรรมร่วม
               ตามข้อบังคับที่ 27 ให้ถือว่า“มติของคณะกรรมการร่วมจะต้องเป็นการออกเสียงโดยเอกฉันท์” และหาก
               เกิดปัญหาข้อขัดแย้ง  ข้อพิพาท  ที่คณะกรรมการร่วมไม่สามารถบรรลุมติร่วมกันได้  จะเป็นหน้าที่ของ
               คณะกรรมาธิการแม่น�้าโขงในการด�าเนินการพยายามในการแก้ไขปัญหาในชั้นต้น  หรือน�าเสนอต่อให้
               ระดับรัฐบาลเป็นการด�าเนินการแก้ไขตามวิถีทางการทูตต่อไป  ซึ่งได้ระบุไว้ในข้อบังคับที่  34  และ  35
               ของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น�้าโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538
                                                                          39
   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48