Page 86 - สมเด็จพระราชินีนาถกับงานสิทธิมนุษยชน
P. 86
“...เวลาเสด็จพระราชดำาเนินไปที่ไหน ก็จะพระราชทานทุนการศึกษาแก่
คนที่ฐานะไม่ดี ไม่สามารถส่งลูกให้เรียนขั้นสูงได้ ทุนพระราชทานนั้นมีทุกระดับ
ชั้นและทุกภาค จำานวนเงินที่พระราชทานเพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา
บางครั้งพอที่จะจุนเจือครอบครัวในด้านอื่นๆ ด้วย เพราะมีพระราชประสงค์
ให้นักเรียนผู้นั้นอยู่ในฐานะที่จะเล่าเรียนต่อได้จริงๆ นักเรียนที่รับทุนพระราชทาน
จะมีทะเบียนประวัติข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลครอบครัว ข้อมูลในการศึกษาอย่าง
เป็นระเบียบ เมื่อรับพระราชทานเงินทุกครั้งจะต้องมีจดหมายติดต่อรายงาน
ผลการศึกษา เล่าความทุกข์สุขของตนและครอบครัวมาที่แผนกนักเรียน
กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถทุกๆ ครั้ง นอกจากนั้น
จะมีการประชุมอบรมนักเรียนเป็นระยะๆ ผู้ที่สมเด็จแม่ทรงมอบหมายให้ดูแลเรื่อง
นักเรียนจะติดตามนักเรียนอย่างใกล้ชิด แก้ปัญหาให้นักเรียนเหล่านั้นเป็นรายๆ
ไปเหมือนญาติผู้ใหญ่ เพื่อให้เด็กๆ มีความรู้สึกอบอุ่นและมีกำาลังใจในการเล่าเรียน
เพื่อสร้างตนเองและครอบครัวสืบไป...”
การพระราชทานทุนสำาหรับนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์เช่นนี้ เป็นการพระราชทาน
ด้วยนำ้าพระราชหฤทัยบริสุทธิ์ตามหลักการ ให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หรือที่ใช้ถ้อยคำาภาษาอังกฤษ
ว่า “To give without discrimination” ซึ่งเป็นข้อความที่สลักไว้ในเหรียญที่ระลึกซีเรส (Ceres)
อันเป็นเหรียญที่องค์การ FAO ของสหประชาชาติจัดทำาเพื่อเฉลิมพระเกียรติ
เรื่องนักเรียนทุนพระราชทานนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงอธิบายว่า
“...ทุนพระราชทานที่ว่านี้จะไม่เลือกคนเรียนเก่งหรือเรียนไม่เก่ง เพราะ
ว่าคนยากจนเสียเปรียบตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ (เรื่องอาหารการกิน) และความยาก
ลำาบากที่จะต้องหาเลี้ยงปากท้อง จะมีโอกาสเหมือนลูกคนรวยได้อย่างไร
ถึงกระนั้นก็พระราชทานทุนและเครื่องอำานวยความสะดวกต่างๆ เท่าที่กล่าวมา
แล้ว...”
แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า นักเรียนทุนพระราชทานเป็นผู้มีอภิสิทธิ์พิเศษ สมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงอธิบายว่า
“...นักเรียนทุกคนจะต้องสอบเข้าหรือมีคุณสมบัติที่จะเข้าโรงเรียน
ด้วยตัวเอง ไม่เคยทรงใช้สิทธิพิเศษเอาเด็กเข้าโรงเรียนใดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
โรงเรียนรัฐบาล ถ้านักเรียนไม่มีความสามารถในการศึกษาในระบบจริงๆ ก็อาจจะ
หันไปเรียนรู้นอกระบบโรงเรียน เช่น ฝึกงานในมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ
เป็นต้น...”
86 ส ม เ ด็ จ พ ร ะ บ ร ม ร า ชิ นี น า ถ กั บ ง า น สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น