Page 329 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 329
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
ส่งเสริมให้มีคลังข้อมูลที่รวบรวมหลักปฏิบัติที่ดีในประเด็นต่างๆ เช่น กรณีศึกษา การบริหารความสัมพันธ์
ภายในห่วงโซ่อุปทานการผลิต การจัดท า auditing system และรายงานประจ าปี นอกจากนี้ควรส่งเสริมให้
ภาคเอกชนจัดท า KPI ของตนเองขึ้น) กลยุทธ์ที่ 14 (การสร้างความตระหนักรู้แก่กลุ่มที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิด
และสาธารณชนทั่วไป) กลยุทธ์ที่ 4 (การสนับสนุนเชิงเทคนิคและการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ
(เช่น การให้ความรู้ในกระบวนการเยียวยาของศาลและภาครัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การผลักดันแก้ไขปัญหาข้าม
พรมแดน และการผลักดันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเพิ่มเติม)) กลยุทธ์ที่ 8 (การผลักดันการเผยแพร่คู่มือ HRDD
ในภาคปฏิบัติ) กลยุทธ์ที่ 2 (การประมวลข้อสรุปจากเรื่องร้องเรียนออกมาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย) และ
กลยุทธ์ที่ 12 (การผลักดันกลไกการไกล่เกลี่ยนอกศาลในกระบวนการแก้ไขข้อพิพาทเพื่อให้ผู้เสียหายได้เข้าถึง
ความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว ไม่แพง และเป็นที่พอใจ แต่มิได้ตัดสิทธิในการที่จะไปฟ้องร้องในกระบวนการ
ยุติธรรม)
และส าหรับปีสุดท้ายนั้นจะเป็นปีที่ กสม. จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความตระหนักรู้เชิงนโยบายเพื่อให้
ทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจมีความรู้และเข้าใจ และสามารถน าไป
ปฏิบัติเพื่อคุ้มครอง เคารพและเยียวยาการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แล้ว กสม.
จะต้องสร้างเครือข่ายภายในปีที่ 3 อันเป็นผลสืบเนื่องจากปีที่ 2 ที่ได้มีการสร้างภาพลักษณ์ กสม. ขึ้นมาใหม่
ท าให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น กสม. จึงเหมาะที่จะสร้างเครือข่ายในปีนี้เพื่อประสานความร่วมมืออย่าง
ยั่งยืนและขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวอย่างมีพลังต่อไป ทั้งนี้ มีแผนกลยุทธ์ทั้งหมด 5 กลยุทธ์ที่ กสม. ควรจะ
ด าเนินการภายในปีที่ 3 ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 19 (การผลักดันแผนกลยุทธ์ขององค์กรให้น าไปใช้เพื่อสนับสนุนการ
ด าเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ โดย กสม. ควรที่จะปรับสมดุลภาพลักษณ์ขององค์กรให้
ท างานในเชิงส่งเสริมมากขึ้น) กลยุทธ์ที่ 4 (การสนับสนุนเชิงเทคนิคและการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงาน
ภาครัฐ (เช่น การให้ความรู้ในกระบวนการเยียวยาของศาลและภาครัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การผลักดันแก้ไข
ปัญหาข้ามพรมแดน และการผลักดันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเพิ่มเติม)) กลยุทธ์ที่ 8 (การผลักดันการเผยแพร่
คู่มือ HRDD ในภาคปฏิบัติ) กลยุทธ์ที่ 9 (การให้ค าแนะน าทางเทคนิคว่าด้วยการจัดท ารายงานประจ าปี รวมทั้ง
ส่งเสริมให้บริษัทจัดตั้งกลไกในการขับเคลื่อนภายในองค์กรเพื่อด าเนินงานตามนโยบายของบริษัท เช่น การ
จัดตั้งคณะกรรมการสนับสนุนมาตรฐานแรงงาน) และกลยุทธ์ที่ 13 (การร่วมมือกับองค์กร หรือสถาบัน
ตรวจสอบที่ได้รับการยอมรับในสังคมเพื่อสนับสนุนกลไกเกี่ยวกับปัญหาการประกอบธุรกิจและสิทธิมนุษยชน
รวมถึงการให้แรงจูงใจที่เหมาะสม)
ในการจัดอันดับด าเนินการตามแผนกลยุทธ์ทั้ง 25 ข้อดังกล่าวตามช่วงของแผนออกเป็น 3 ปีนั้น ได้
แยกออกเป็นระดับ/ประเภทของกลุ่มเป้าหมายที่มีพื้นฐานและความต้องการ (needs) ที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้แล้วคณะผู้วิจัยยังเห็นเพิ่มเติมอีกว่า กสม. จ าเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากรและสร้าง
องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องและเป็นรูปธรรม เช่น คู่มือ บทเรียน checklist ต่างๆ ที่สามารถสนับสนุนให้ภาคส่วน
ต่างๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจน าไปประยุกต์ใช้ได้ ทั้งนี้ ความรู้ที่เป็นรูปธรรมที่ได้จากการปฏิบัติงานจริงจะมี
ความส าคัญ และโดยที่ประเด็นสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจเป็นเรื่องใหม่ทั้งในสังคมไทยและใน
ประชาคมระหว่างประเทศ การแปลงหลักการเพื่อให้สามารถน าไปปฏิบัติได้จริงและเหมาะสมกับบริบทของ
ประเทศ รวมถึงภาคธุรกิจที่มีความแตกต่างกัน ตลอดจนสภาพปัญหาหรือข้อจ ากัดที่เกิดขึ้นนั้น จ าเป็นต้อง
อาศัยข้อมูล ความรู้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์และน าไปแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้น แล้วน าไปปฏิบัติและพัฒนาต่อไป
อย่างต่อเนื่องเป็นระบบ (research and development to development and research: R&D to D&R)
มากกว่าที่จะจัดกิจกรรมเป็นเรื่องๆ เพราะจะไม่ท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างยั่งยืน
5-81