Page 251 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 251

รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
               แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562


               ในการจัดท ารายงานประจ าปี รวมทั้งสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีการตั้งกลไกภายในองค์กรเพื่อสนับสนุนการคุ้มครอง
               ด้านสิทธิมนุษยชน

                       4.   ภาคธุรกิจด าเนินการตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนโดยสมัครใจและไม่ได้ถูกบังคับด้วยกฎหมาย ดังนั้น
               กลไกที่จะผลักดันในเชิงบวกที่ดี คือ การร่วมมือกับองค์กร หรือสถาบันตรวจสอบที่ได้รับการยอมรับในสังคมเพื่อ

               สนับสนุนกลไกเกี่ยวกับปัญหาการประกอบธุรกิจและสิทธิมนุษยชน รวมถึงการให้แรงจูงใจที่เหมาะสม เช่น สมาคม
               ส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นต้น อีกแนวทางหนึ่ง คือ การประสานความร่วมมือกับกลุ่มนักลงทุนเชิง
               สถาบัน เพื่อให้ประเด็นด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส าคัญในการเลือกลงทุนในธุรกิจ

                       5.   ประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนคาดว่าจะเกิดขึ้นกับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ได้รับสัมปทานจาก
               ภาครัฐ กสม. ควรที่จะมีการตั้งกลไกการเฝ้าระวังปัญหาเฉพาะเรื่องที่สอดคล้องกับประเด็นปัญหาที่คาดว่าจะ

               เกิดขึ้นในอนาคต

                       6.   ภาคธุรกิจมีความคุ้นเคยกับหลักการ CSR  และบางส่วนมีความคุ้นเคยกับหลักการ Governance
               กสม. ควรที่จะอาศัยกรอบธรรมาภิบาลในการผลักดันด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน เช่น การผนวกเรื่องสิทธิ
               มนุษยชนให้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจ โดยมีการตั้งเป้าหมายให้ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนควร
               ได้รับความใส่ใจเป็นหลักการพื้นฐานส าคัญ เช่นเดียวกับหลักการ Governance


                       กลุ่มสังคม/ประชาชนทั่วไป
                       ในส่วนของกลุ่มสังคม/ประชาชนทั่วไปจะมีสถานการณ์ที่ส าคัญ คือ


                       1.   ประชาชนทั่วไปยังมีความรู้พื้นฐานทางด้านสิทธิมนุษยชนที่จ ากัด กสม. จึงควรที่จะท าหน้าที่ให้ความรู้
               พื้นฐานให้กับประชาชนทั่วไป รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกละเมิด

                       2.   ประชาชนทั่วไปมักจะถูกละเมิดสิทธิโดยภาคธุรกิจในประเด็นแรงงาน แรงงานข้ามชาติ ชุมชนและ
               กลุ่มเปราะบาง ทั้ง 4 กลุ่มนี้ควรที่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยทาง กสม. ควรจัดท ากรณีศึกษาร่วมที่ให้ความรู้
               กับกลุ่มเป้าหมายทั้ง 4 กลุ่มถึงสิทธิที่มักจะถูกละเมิด หรือสามารถถูกละเมิดโดยการด าเนินการของภาคธุรกิจ

                       3.   ประชาชนบางส่วนมีการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการปกป้องสิทธิของตน กสม. จึงควรขยาย

               โอกาสในการเข้าถึงของประชาชนกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้นและควรที่จะมีการติดต่อประสานงานกับกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
               โดยบทบาทที่ส าคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การสนับสนุนให้ข้อมูล ให้ความรู้ในกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้
               แน่ใจว่าเสียงของประชาชนได้ถูกพิจารณาภายใต้กระบวนการตัดสินใจที่โปร่งใสและเป็นธรรม

                       กลุ่มภาคีร่วมอื่นๆ (ภาคประชาสังคม สื่อและภาควิชาการ)

                       ในส่วนของกลุ่มภาคีร่วมอื่นๆ จะมีสถานการณ์ที่ส าคัญคือ

                       1.   ภาคประชาสังคมและสื่อ เข้ามามีบทบาทในการดูแลตรวจสอบพิทักษ์สิทธิมากยิ่งขึ้น การด าเนินการที่
               ควรจะเป็นของ กสม. คือ การสร้างพลังของภาคประชาสังคมและสื่อให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยสนับสนุนทั้งในเรื่อง

               ของการให้ข้อมูล ค าปรึกษา รวมทั้งสนับสนุนกลไกการปกป้องคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนและผู้ให้ข้อมูล






                                                             5-24
   246   247   248   249   250   251   252   253   254   255   256