Page 110 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน
P. 110
อีก เค้าก็ดูถูกเรา ด่าเราอะไรอย่างนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่า กูก็มีเงินนะมึง อะไรอย่างนี้ คน
ที่นั้นเค้าก็ดูถูกเรา เค้าไม่รู้หรอกว่าเรามาท�าด้วยเหตุผลอะไร แต่ว่ามึงก็คนท�าแท้งคนนึง”
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ระดับลึกเยาวชนหญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมทั้งที่ตัดสินใจที่ยุติการตั้งครรภ์
แล้วและด�ารงครรภ์ต่อพบว่า เยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมแทบทุกรายถูกละเมิดสิทธิในความ
เป็นส่วนตัว โดยการไม่ตระหนักรู้ของคนที่อยู่รอบข้างที่อาจจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู และเพื่อน
ท�าให้เยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมมักจะเก็บตัวเงียบ ไม่กล้าปรึกษาหรือบอกเล่าปัญหาให้คนอื่น
รับรู้ เพราะเกรงจะได้รับความอับอายหรือการไม่รักษาความลับ ท�าให้ขาดโอกาสในการได้รับข้อมูล
ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและการตัดสินใจที่รอบด้าน
“คนเยอะๆ อย่างนี้หนูไม่กล้า ถ้าอย่างนี้หนูกล้า เค้าชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม เหมือน
ป้าหนูน่ะ มาพูด มึงท้องเหรอ หนูโคตรอายเลย”
“จริงๆ แล้วเด็กๆ ต้องการผู้ใหญ่ที่ฟังแล้วก็แนะน�าด้วย แล้วก็ไม่เอาเรื่องหนูไปพูด
ที่อื่น”
และจากการสัมภาษณ์ เยาวชนหญิงที่ยุติการตั้งครรภ์หลายคนถูกนินทาและพูดถึงในพื้นที่
สาธารณะเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ โดยคนในบริบทพื้นที่ที่อาศัย เช่นในชุมชน โรงเรียน
จากการสัมภาษณ์ระดับลึกเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมแล้วตัดสินใจตั้งครรภ์ต่อพบว่า
สิ่งที่เยาวชนหญิงต้องการในการรับบริการจากรัฐ คือ การที่ได้รับรู้ข้อมูลเรื่องสิทธิในด้านการศึกษา
ซึ่งยังเข้าใจผิดว่าตนเองต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนหากทางโรงเรียนทราบว่าตั้งครรภ์ ท�าให้เยาวชนหญิง
ขาดสิทธิในการได้รับความคุ้มครองด้านการศึกษา และพลาดโอกาสที่จะเรียนจบ มีงานท�าเพื่อเลี้ยง
ดูลูกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ประสบการณ์จากการไปรับบริการยุติการตั้งครรภ์ที่สถานบริการคลินิก
เอกชน ที่เยาวชนหญิงไปใช้บริการ สะท้อนสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ คือ ความกลัวผลที่จะได้
รับตามมาหากใครรู้ว่าตั้งครรภ์ เช่นการต้องออกจากโรงเรียน
ญ : ก็ตอนนั้นไม่คิดอะไรแล้ว คิดจะเอาเด็กออกอย่างเดียวค่ะ ไม่คิดอะไรแล้ว
แบบกลัวเรียนไม่จบอะไรอย่างนี้ค่ะ
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ // 109