Page 766 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 766
1= ไม่เลย / น้อยที่สุด 2 = น้อย 3 = ปานกลาง
4 = มาก 5 = มากที่สุด
อ านาจหน้าที่ 1 2 3 4 5
ั
16. อ านาจตามข้อกฎหมายปจจุบัน ไม่เอื้ออ านวย ต่อการท างานในกระบวนการตรวจสอบ
17. ในทางปฏิบัติ กรรมการไม่ค่อยน าอ านาจตามข้อกฎหมายมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบ
ั
18. กลไกปจจุบัน (ท าหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รัฐสภา) ไม่เอื้ออ านวยต่อการผลักดัน
ให้ข้อเสนอแนะจากผลการตรวจสอบ ถูกน าไปปฏิบัติจริง
กระบวนการร้องเรียน 1 2 3 4 5
19. ติดต่อผู้ร้องเรียนยาก เนื่องจากไม่มีหรือเปลี่ยนที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ท าให้ตามเรื่อง
ตามเอกสารไม่ได้
20. ผู้ร้องเรียนไม่เข้าใจเงื่อนไขการร้องเรียน เตรียมเอกสารไม่ครบตามก าหนด
21. ระบบการบันทึกฐานข้อมูลผู้ร้องเรียน ขาดความต่อเนื่อง
กระบวนการกลั่นกรอง 1 2 3 4 5
ั
22. กรณี หยิบยกเอง กรรมการสิทธิ์ฯ ขาดจุดยืน ไม่หยิบบางปญหาเพราะกังวลผลกระทบ
ั
23. กรณี มีผู้ร้องเรียน ยังขาดนิยามการจ าแนกปญหาที่ชัดเจน มีการดึงเรื่องไปท าเอง
ั
หาประโยชน์จากปญหาละเมิด ( เช่น ท าเพื่อต้องการประชาสัมพันธ์ตัวเอง)
24. กระบวนการใช้เวลานาน เพราะต้องผ่าน 2 คณะ ท าให้เริ่มงานตรวจสอบได้ช้า
กระบวนการตรวจสอบ 1 2 3 4 5
25. อนุกรรมการท างานไม่ทุ่มเท มีเวลาน้อย
26. อนุกรรมการหาประโยชน์ใส่ตัว (เช่น เป็นทนายมาหาลูกความ เน้นท าเพื่อประชาสัมพันธ์)
27. อนุกรรมการไม่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับงานที่รับผิดชอบ
28. เจ้าหน้าที่มีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถจ ากัด ท าให้บางครั้งคณะอนุกรรมการต้อง
ลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูล ตรวจสอบเอง
29. ผู้เกี่ยวข้องไม่ค่อยร่วมมือ เช่นให้ข้อมูลล่าช้า ไม่ตรงกับที่ต้องการ ส่งตัวแทนที่ไม่สามารถ
ตอบค าถาม ให้ข้อมูล ตัดสินใจได้มาร่วมประชุม
้
30. ขาดระบบปองกันพยาน ท าให้ไม่กล้าให้ข้อมูล เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย
31. คณะอนุกรรมการฯ แต่ละคณะมีวิธีท างานต่างกัน
32. ขาดกลไกในการควบคุม เร่งรัดเรื่องเวลา ท าให้ใช้เวลาตรวจสอบนาน
- 633 -

