Page 125 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน ฉบับสมบูรณ์
P. 125
หำงำนท ำแทน ทั้งนี้เพรำะไม่มีควำมรู้ทั้งในเรื่อง พ.ร.บ. กำรศึกษำ และสิทธิมนุษยชน สิทธิอนำมัยเจริญพันธุ์
เช่นกัน ซึ่งควำมรุนแรงและกำรละเมิดสิทธิดังกล่ำวมำจำกทัศนคติและกรอบวัฒนธรรมสังคมที่พยำยำม
แยกควำมรู้เรื่องเพศออกจำกเยำวชน น ำไปสู่กำรตัดสินและทัศนคติแง่ลบต่อเยำวชนหญิงตั้งครรภ์
ขณะเดียวกันเยำวชนหญิงตั้งครรภ์เองก็เข้ำใจว่ำกำรตั้งครรภ์ของตนเป็นสิ่งเลวร้ำย ผิดบำป น่ำอับอำยจน
ต้องปิดบัง แยกตัวออกจำกสังคมมำกกว่ำมองว่ำเป็นเรื่องธรรมชำติและสิทธิอนำมัยเจริญพันธุ์ ดังนั้นใน
กำรท ำให้กำรเข้ำถึงสิทธิมนุษยชนด้ำนกำรศึกษำของเยำวชนหญิงตั้งครรภ์ประสบผลส ำเร็จ ต้องสร้ำง
มุมมองทัศนคติใหม่ให้กับเยำวชน นักเรียน ผู้ปกครอง ครู อำจำรย์ไปจนถึงผู้บริหำรสถำนศึกษำในเรื่องสิทธิ
อนำมัยเจริญพันธุ์ให้ชัดเจนและมำกขึ้น
๔.๑.๕ ด้านการพัฒนาและฟื้นฟูเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ
จำกกำรศึกษำวิจัยทำงเอกสำร โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งภำคสนำมพบว่ำ กำรละเมิดสิทธิมนุษยชนของ
เยำวชนหญิงตั้งครรภ์เป็นกำรกระท ำทั้งทำงตรงต่อตัวเยำวชนหญิงตั้งครรภ์เอง และในเชิงโครงสร้ำงสังคม
ควำมพยำยำมของรัฐและสังคมที่จะท ำให้สังคมปรำศจำกเยำวชนหญิงตั้งครรภ์ ในฐำนะปัญหำสังคมและ
รัฐ กำรผลักเยำวชนหญิงตั้งครรภ์ออกจำกพื้นที่ทำงสังคม เป็นกำรท ำให้เยำวชนหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มคน
ชำยขอบ (Marginalization) และ “เป็นอื่น” เป็นควำมแตกต่ำงจำกเยำวชน “ทั่วไป” ท ำให้เข้ำไม่ถึง
ทรัพยำกรต่ำงๆ ของสังคมได้เสมอภำคเท่ำเทียมกับเยำวชนอื่นๆ แม้ว่ำจะมีหน่วยงำนองค์กรบำงแห่ง
ให้ควำมช่วยเหลือ เช่น บ้ำนพักฉุกเฉิน ของสมำคมส่งเสริมสถำนภำพสตรีฯ (ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓) แต่ก็
เป็นกำรช่วยเหลือให้ควำมรู้ กำรเข้ำถึงบริกำร และรักษำสิทธิของเยำวชนหญิงเพื่อตัดสินใจด ำรงครรภ์ต่อ
มำกกว่ำให้ควำมรู้กำรเข้ำถึงกำรบริกำรในกำรยุติกำรตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นกำรรองรับปัญหำที่ปลำยเหตุมำกกว่ำ
ต้นเหตุ ทั้งนี้ ต้นเหตุของปัญหำเยำวชนหญิงตั้งครรภ์ในมิติสิทธิมนุษยชน มำจำกวำทกรรมในสังคมที่แฝง
ด้วยมำยำคติที่ปรำกฏทั้งในกฎหมำยและมำตรกำรต่ำงๆ ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเยำวชน ได้แก่ กำร
ตั้งครรภ์ของเยำวชนน ำไปสู่ควำมเจ็บป่วย ทุพพลภำพ พิกำรของทั้งแม่และเด็ก และกำรตั้งครรภ์ของ
เยำวชนเป็นกำรก้ำวพลำดและเป็นผลจำกกำรขำดจริยธรรมที่ดีงำมของเยำวชน ซึ่งยังคงด ำรงอยู่และผลิต
ซ ้ำอย่ำงต่อเนื่องโดยหน่วยงำนและองค์กรต่ำงๆ ในสังคม เช่น สภำกำชำดไทยที่ยังคงเชื่อว่ำ เยำวชนหญิง
ตั้งครรภ์เสี่ยงต่อกำรเกิดภำวะโรคแทรกซ้อนระหว่ำงตั้งครรภ์และหลังคลอด เช่น ภำวะโลหิตจำง และ
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกับทำรกที่เกิดมำมักเผชิญกับภำวะเติบโตช้ำ น ้ำหนักน้อย ทุพพลภำพ สมองช้ำ
เจ็บป่วยเรื้อรัง (สภำกำชำดไทย, ๒๕๕๔) และ สมำคมเครือข่ำยผู้ปกครองที่เชื่อว่ำเยำวชนหญิงตั้งครรภ์
เกิดจำกครอบครัวที่ยำกจน แตกแยก เยำวชนจึงไม่รู้จักรัก รักคนอื่นไม่เป็น พยำยำมท ำตัวโดดเด่น เห็นแก่
ตัว และกำรได้รับกำรศึกษำน้อย ไม่ได้รับกำรอบรมสั่งสอน ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่และสมำชิกในครอบครัว ไม่รู้จัก
ควำมพอเพียง มัวเมำไปกับวัตถุนิยม ปฎิเสธกำรมีเพศสัมพันธ์ไม่เป็น จึงท ำให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลำอัน
ควร (สมำคมเครือข่ำยผู้ปกครองแห่งชำติ, ๒๕๕๔) ด้วยทั้งกรอบจริยธรรมทำงสังคมว่ำด้วยเรื่องเพศ และ
๑๒๔