Page 127 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน ฉบับสมบูรณ์
P. 127

กล้ำรักษำสิทธิและยินยอมถูกละเมิดสิทธิต่ำงๆ เช่น สิทธิในกำรได้รับกำรศึกษำ สิทธิในกำรมีชีวิตอยู่อย่ำงมี

               ศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ และแน่นอนที่สุด รวมไปถึงสิทธิในกำรตัดสินใจว่ำจะมีบุตรหรือไม่และจะมีเมื่อใด
               เนื่องจำกตัวบทกฎหมำยที่มำควบคุมก ำกับไม่ให้เยำวชนหญิงยุติกำรตั้งครรภ์ได้โดยกำรตัดสินใจของตัวเอง

               เห็นได้จำกที่เยำวชนหญิงบำงคนยินยอมให้โรงเรียนจ ำหน่ำยออกจำกโรงเรียน หรือลำออกจำกโรงเรียนเอง

               หลังจำกพบว่ำตั้งครรภ์ ยอมให้เจ้ำหน้ำที่ด้ำนสำธำรณสุขสร้ำงควำมอับอำย ท ำร้ำยจิตใจ ลิดรอนสิทธิใน

               กำรตัดสินใจที่มีต่อกำรตั้งครรภ์ และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรละเมิดสิทธิโดยคนในครอบครัว ที่เยำวชนหญิง

               ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ยินยอมให้ผู้ปกครองตัดสินใจและก ำหนดแทนในสิทธิของกำรตัดสินใจว่ำจะมีบุตรเมื่อใด
                       ข้อมูลผลกำรวิจัยจำกภำคสนำมสอดคล้องกับบทสรุปจำกกำรวิจัยเอกสำรทั้งในและต่ำงประเทศที่

               สะท้อนให้เห็นว่ำทัศนคติที่อยู่เบื้องหลังกฎหมำย นโยบำย หรือมำตรกำรต่ำงๆ ทำงสังคมมีส่วนส ำคัญอย่ำง

               ยิ่งในกำรชี้น ำแนวทำงในกำรด ำเนินกำรป้ องกันและแก้ไขปัญหำเยำวชนหญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งไม่เพียง

               ถูกละเมิดสิทธิกำรมีชีวิตอยู่อย่ำงมีศักดิ์ศรีด้วยวำทกรรมมำยำคติดังกล่ำว แต่กรอบศีลธรรมทำงศำสนำ

               ควำมเชื่อ ได้ก ำหนดและชี้น ำทำงควำมคิดไม่ให้เยำวชนหญิงเข้ำถึงและใช้สิทธิมนุษยชนและสิทธิ
               อนำมัยเจริญพันธุ์ในกำรตัดสินใจยุติกำรตั้งครรภ์ที่พึงได้รับอย่ำงเต็มที่ แม้เยำวชนหญิงตัดสินใจยุติกำร

               ตั้งครรภ์ก็ไม่ได้ตระหนักถึงสิทธิอนำมัยเจริญพันธุ์ในตนเองในกำรท ำแท้ง อีกทั้งบำงรำยก็ไม่ได้รับข้อมูลและ

               บริกำรในกำรยุติกำรตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย เป็นมิตร และรักษำควำมลับ เพรำะเจ้ำหน้ำที่รัฐที่ให้บริกำรเองก็

               อยู่ในกรอบของศีลธรรมมำกกว่ำกำรตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนจนเลี่ยงที่จะให้ข้อมูลและบริกำรกำรยุติกำร
               ตั้งครรภ์

                       เพื่อแก้ปัญหำกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิอนำมัยเจริญพันธุ์ต่อเยำวชนหญิงตั้งครรภ์ จ ำเป็น

               อย่ำงยิ่งที่สังคมและโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งรัฐจะต้องรื้อสร้ำง ทัศนคติ มำยำคติต่อเยำวชนว่ำเป็นวัยที่ยังไม่ควร

               มีเพศสัมพันธ์, เพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นยังคงเป็น “เพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร” เป็นพฤติกรรม “ชิงสุกก่อนห่ำม”
               เพรำะไม่เพียงน ำไปสู่กำรมีชีวิตอยู่อย่ำงถูกละเมิดศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ของเยำวชน ยังน ำไปสู่กำร

               พยำยำมเลี่ยงไม่ให้ควำมรู้กับเยำวชนเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ทั้งในเรื่องอนำมัยเจริญพันธุ์ และเพศศึกษำ ซึ่ง

               เป็นกำรละเมิดสิทธิในกำรได้รับข้อมูลข่ำวสำรและกำรศึกษำ และ สิทธิในกำรดูแลและป้ องกันสุขภำพ ทั้ง

               จำกสถำนศึกษำและสถำนพยำบำล

                       เช่นเดียวกับกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรเมื่อวันที่ ๒๐ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ นัยนำ สุภำพึ่ง มูลนิธิ
               ธีรนำถ กำญจนอักษร ตั้งข้อสังเกตว่ำ ในสังคมไทย มักจะตัดสินผู้หญิงมำกกว่ำผู้ชำย ดังที่มีกำรบอกฝ่ำย

               หญิงฝ่ำยเดียวให้ “รักนวลสงวนตัว” แต่ไม่ได้บอกผู้ชำย ปัญหำกำรตั้งครรภ์ของเยำวชนก็มักถูกแก้ไขและ

               ป้ องกันกับเยำวชนหญิงมำกกว่ำเยำวชนชำย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกระทรวงศึกษำธิกำร ที่มีกำรขยำย

               กำรศึกษำ และน ำกติกำสังคมชุดนี้ที่สร้ำงขึ้นภำยหลังมำวำงซ้อนไป ท ำให้มองว่ำกำรตั้งครรภ์ของเยำวชน
               หญิงเป็นปัญหำ น ำไปสู่กำรตัดสินและกำรละเมิดสิทธิ  สังคมไทยโดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง หน่วยงำนหรือองค์กร

               ต่ำงๆ ควรเริ่มจำกกำรปรับวิธีคิด กระบวนทัศน์เช่นนี้ เพื่อให้นโยบำย มำตรกำรและยุทธศำสตร์ต่ำงๆ เข้ำ





                                                                                                      ๑๒๖
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132