Page 89 - สิทธิมนุษยชน : รวมบทความ ศ.เสน่ห์ จามริก
P. 89
สิทธิมนุษยชน รวมบทความ ศ.เสน่ห์ จามริก
“การปรับโครงสร้าง” ที่กำหนดแกมบังคับมาจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ:
ไอ.เอ็ม.เอฟ. พร้อมทั้งรวบรัดออกกฎหมายอันอื้อฉาว ๑๑ ฉบับ เปิดทางสะดวก
ให้กับธุรกิจต่างชาติ เข้ามาครอบครองครอบงำเศรษฐกิจไทย ด้วยมาตรการต่าง ๆ
อย่างเช่น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การประกอบธุรกิจของคนต่างชาติ และการฟ้องร้อง
คดีล้มละลาย ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของบรรดาบรรษัทข้ามชาติทั้งสิ้น
ในนามของหลักการตลาดการแข่งขันโดยเสรี
ที่จำเป็นต้องลำดับความเป็นมาและผลกระทบต่อสิทธิอธิปไตยของชาติ
และประชาชน ก็เพื่อประกอบการประเมิน “ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอาศัย
กลไกตลาด” ตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ดังที่อ้างถึงข้างต้น รวมทั้งหลักนโยบาย
“บริษัทก็คือประเทศ ประเทศคือบริษัท” ซึ่งส่อสำเนียงของความเป็นเบ็ดเสร็จ
ชัดเจน ภายใต้รัฐบาลทักษิณ ๒ (พ.ศ.๒๕๔๔-) อันเป็นผลจากชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป
ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น “๑๖ ล้านเสียง” ตามที่ยกมาอ้างอิงกันไว้ ถึงฐานะ
ความชอบธรรมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณโดยรวม ด้วยทัศนคติท่าที
เช่นนี้เอง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงวาดภาพตนเองเป็นเสมือนประธานบริหารสูงสุด
ของบริษัท อย่างที่เรียกกันในหมู่บริษัทข้ามชาติว่า ซี.อี.โอ. (Chilf Executive Officer)
และทางด้านของประชาชนก็เปรียบเสมือนผู้ถือหุ้น ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้า
รัฐบาลกับประชาชนเป็นเพียงเรื่องของผลกำไรเป็นตัวเงิน และจะต้องทำทุกวิถีทาง
เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่จับต้องได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมจริยธรรมใด ๆ
ทั้งสิ้น แล้วความคิดความเชื่อแบบ ซี.อี.โอ. นี้ ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตำแหน่งหัวหน้า
รัฐบาลเท่านั้น หากยังแผ่ไปถึงตำแหน่งหัวหน้าเขตการปกครองท้องที่ อย่างเช่น
ผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วก็ลามปามไปถึงพยายามออกกฎหมายจัดตั้ง “เขตเศรษฐกิจพิเศษ”
ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ขัดต่อหลักการกระจายอำนาจตามรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น และถูก
ต่อต้านอย่างกว้างขวาง
รวมความแล้วการบริหารประเทศภายใต้ระบอบทักษิณ จึงถือได้ว่า
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ๙๓