Page 205 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 205
หมวด ๓ ในกรณีที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการด าเนินงานของคณะกรรมการ กรรมการที่ไม่มาประชุม
การลงมติและการทบทวนมติ ครั้งใด อาจมีข้อสังเกตส่วนบุคคลในเรื่องที่มีการพิจารณามีมติแล้ว ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความเห็นแย้ง
ที่ต้องบันทึกไว้ในรายงานการประชุมครั้งที่มีการพิจารณาเรื่องนั้น โดยอาจเสนอข้อสังเกตในการประชุม
ข้อ ๒๓ การลงมติในการประชุมของคณะกรรมการให้ใช้คะแนนเสียงข้างมากของจ านวน ครั้งถัดมาที่กรรมการผู้นั้นได้เข้าร่วมก็ได้
กรรมการที่เป็นองค์ประชุม โดยประธานในที่ประชุมและกรรมการที่มาประชุมต้องลงคะแนนเสียง ข้อ ๒๙ รายงานการประชุมของคณะกรรมการจะต้องมีการรับรองในการประชุมครั้งถัดไป
เพื่อมีมติโดยจะงดออกเสียงมิได้
กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ในกรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุม เว้นแต่ที่ประชุมจะก าหนดเป็นอย่างอื่น
รายงานการประชุมที่กรรมการยังมิได้รับรองเพราะเหตุที่วาระการด ารงต าแหน่งสิ้นสุดลง
ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด หรือพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ ให้เลขาธิการแจ้งเป็นหนังสือให้กรรมการผู้นั้นตรวจสอบความถูกต้อง
วิธีการออกเสียงลงมติให้กระท าโดยเปิดเผย เว้นแต่ที่ประชุมจะมีมติให้ใช้วิธีการลงคะแนนลับ แล้วให้เลขาธิการบันทึกเหตุนั้นไว้ และเป็นผู้รับรองความถูกต้องของรายงานการประชุมนั้น
วิธีการลงคะแนนลับให้เป็นไปตามที่ที่ประชุมก าหนด
ในกรณีที่มีความจ าเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจจัดประชุมเพื่อรับรองรายงานการประชุมได้ ให้น าความ
ข้อ ๒๔ ประธานในที่ประชุมจะสั่งให้รวมหรือแยกประเด็นในการพิจารณาหรือลงมติก็ได้ เว้นแต่ ในวรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้บันทึกเหตุดังกล่าวไว้แนบท้ายรายงานการประชุมด้วย
ที่ประชุมจะมีมติเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๓๐ การแก้ไข เพิ่มเติม หรือตัดทอน ข้อความหนึ่งข้อความใดในรายงานการประชุมที่รับรองแล้ว
ข้อ ๒๕ มติของคณะกรรมการให้มีผลทันที เว้นแต่คณะกรรมการจะมีมติเป็นอย่างอื่น จะกระท ามิได้ เว้นแต่เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยอันไม่กระทบต่อสาระส าคัญของมติที่ประชุม
ข้อ ๒๖ เรื่องใดซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาและมีมติแล้ว คณะกรรมการอาจพิจารณาทบทวนและ การแก้ไข เพิ่มเติม หรือตัดทอนรายงานการประชุม ต้องแก้ไข เพิ่มเติม หรือตัดทอนให้ตรงกับ
มีมติใหม่ได้ ถ้ามีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ หรือเหตุอื่นใด อันอาจท าให้เรื่องที่พิจารณาและมีมติ การที่ได้มีการกล่าวในที่ประชุมครั้งนั้น โดยไม่เป็นการเพิ่มข้อความหรือสาระส าคัญอื่นใดที่ไม่ได้กล่าว
ไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระส าคัญ ในที่ประชุม
การขอให้คณะกรรมการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนใหม่ ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อความหรือสาระส าคัญของการประชุม นอกจาก
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดไว้ในระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การแก้ไข เพิ่มเติม หรือตัดทอนตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ด าเนินการตามข้อ ๑๑
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ข้อ ๓๑ ให้ส านักงานเก็บรักษาระเบียบวาระการประชุม เอกสารที่เกี่ยวข้อง และรายงาน
หมวด ๔ การประชุมไว้ในที่ปลอดภัยไม่น้อยกว่าสิบปี
รายงานการประชุม การท าลายเอกสารให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการนั้น
เอกสารและรายงานการประชุมลับ ให้จัดเก็บรักษาไว้ตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับ
ของทางราชการ
ข้อ ๒๗ ในการประชุมต้องมีรายงานการประชุมเป็นหนังสือ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด
ดังต่อไปนี้ ข้อ ๓๒ การเปิดเผยหรืองดเปิดเผยรายงานการประชุมทั้งหมดหรือบางส่วน ให้เป็นไปตาม
(๑) รายชื่อกรรมการที่มาและไม่มาประชุม รวมทั้งรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม ที่ส านักงานพิจารณาตามระเบียบนี้ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการและระเบียบว่าด้วย
(๒) เรื่องที่ที่ประชุมพิจารณา การนั้น
(๓) ความเห็นของที่ประชุม
(๔) มติของที่ประชุม บทเฉพาะกาล
(๕) ผู้จดรายงานการประชุม
ในกรณีเป็นการประชุมลับ ที่ประชุมอาจมีมติให้จดรายงานการประชุมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ ข้อ ๓๓ การใดที่ได้ด าเนินการตามระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย
และให้มีการบันทึกเหตุผลไว้ การประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ และยังไม่แล้วเสร็จ ให้การด าเนินการนั้น
เป็นอันใช้ได้ และให้ด าเนินการต่อไปตามระเบียบนี้
ข้อ ๒๘ ถ้ากรรมการที่มาประชุมและร่วมลงมติมีความเห็นแย้ง ให้บันทึกความเห็นแย้งพร้อมทั้ง
เหตุผลไว้ในรายงานประชุม และถ้ากรรมการผู้มีความเห็นแย้งเสนอความเห็นแย้งเป็นหนังสือก็ให้บันทึก ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไว้ด้วย และให้แนบหนังสือนั้นไว้กับรายงานการประชุม วัส ติงสมิตร
ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
196