Page 107 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 107
ข้อ ๖ อนุกรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้เสียทั้งทางตรงและ ข้อ ๑๑ อนุกรรมการพ้นจากต าแหน่งเมื่อ
ทางอ้อม รวมทั้งต้องค านึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชนประกอบด้วย ทั้งนี้ ให้น า (๑) ด าเนินการตามหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งเสร็จสิ้น
ข้อก าหนดทางจริยธรรมข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างส านักงาน มาใช้บังคับกับอนุกรรมการ (๒) ครบระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการก าหนด
โดยอนุโลม (๓) ตาย
(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๑๐
ข้อ ๗ การประชุมของคณะอนุกรรมการตามระเบียบนี้ ให้น าระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยการนั้น
มาใช้บังคับโดยอนุโลม (๕) ลาออก
(๖) คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากต าแหน่ง
หมวด ๒ (๗) คณะกรรมการพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่
หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้ง และการพ้นจากต าแหน่ง
ข้อ ๑๒ ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ให้ส านักงานเสนอรายชื่อบุคคลพร้อมค ารับรองการมี
คุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๑๐ และค ายินยอมของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นอนุกรรมการ
ข้อ ๘ ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบนี้ ต้องก าหนดหน้าที่
เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และระยะเวลาของการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไว้ในค าสั่งแต่งตั้ง รวมทั้งผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้ง ทั้งนี้
ให้ชัดเจน คณะกรรมการอาจแต่งตั้งให้ประธานกรรมการหรือกรรมการเป็นประธานอนุกรรมการก็ได้
ให้มีประธานและอนุกรรมการรวมกันในแต่ละคณะไม่เกินเจ็ดคน เว้นแต่คณะกรรมการจะมีมติ ในการเสนอรายชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้ส านักงานเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นเลขานุการและ
เป็นอย่างอื่น ผู้ช่วยเลขานุการด้วย
หมวด ๓
ข้อ ๙ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกรณีไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ตามข้อ ๕ ต้องเป็นการแต่งตั้งในเรื่อง
ที่มีความจ าเป็นต้องได้ข้อมูลหรือความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิอย่างหลากหลายรอบด้าน วิธีการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการ
และจ าเป็นต้องมีการแก้ไขหรือป้องกันปัญหาอย่างเป็นระบบ
ข้อ ๑๓ ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาด าเนินการให้เป็นไปตามหน้าที่ที่ได้รับค าสั่งแต่งตั้ง
ข้อ ๑๐ อนุกรรมการต้องมีความรู้หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือมีประสบการณ์ โดยต้องจัดท าบันทึกสรุปข้อมูลหรือผลการศึกษาเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาภายในระยะเวลา
มาไม่น้อยกว่าห้าปี ในด้านที่ต้องให้ข้อมูลหรือศึกษาตามข้อ ๙ รวมทั้งต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ที่ก าหนดไว้ในค าสั่งแต่งตั้ง ทั้งนี้ การขอขยายเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามที่ก าหนดไว้ใน
ดังต่อไปนี้ ค าสั่งแต่งตั้ง
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ ากว่ายี่สิบห้าปี ข้อ ๑๔ คณะกรรมการมีอ านาจสั่งให้คณะอนุกรรมการหรืออนุกรรมการหยุดหรือระงับหรือแก้ไข
(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต การกระท าใด ๆ ที่ปรากฏว่าขัดต่อกฎหมาย ระเบียบ หรือมติของคณะกรรมการ
(๔) ไม่เป็นบุคคลที่เคยต้องค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป เว้นแต่ ได้พ้นโทษมาแล้ว หมวด ๔
เกินห้าปีนับถึงวันได้รับการเสนอชื่อ หรือเป็นความผิดอันได้กระท าโดยประมาท ค่าตอบแทนและประโยชน์ตอบแทนอื่น
(๕) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
หรือราชการส่วนท้องถิ่น เพราะการกระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๕ การจ่ายเบี้ยประชุม ให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณส านักงานตามอัตราและหลักเกณฑ์
(๖) ไม่เป็นบุคคลที่มีประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง ที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ ทั้งนี้ แบบและวิธีการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามที่ส านักงานก าหนด
(๗) ไม่เคยต้องค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะมีทรัพย์สิน ข้อ ๑๖ การประชุมคณะอนุกรรมการต้องมีอนุกรรมการร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
เพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือร่ ารวยผิดปกติ จ านวนอนุกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุมและมีสิทธิเบิกเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้
(๘) ไม่เคยมีประวัติการถูกชี้มูลว่าเป็นผู้กระท าผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระท าความผิดต่อ
ต าแหน่งหน้าที่ราชการหรือกระท าความผิดต่อต าแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เว้นแต่ต่อมาภายหลัง ข้อ ๑๗ ให้อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม และให้ได้รับ
ศาลวินิจฉัยว่าผู้นั้นมิได้กระท าความผิดตามที่ถูกชี้มูล เบี้ยประชุมแต่ละคณะอนุกรรมการเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน ในอัตรา ดังนี้
(๙) ไม่เป็นบุคคลผู้มีความบกพร่องทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (๑) ประธานอนุกรรมการ ครั้งละหนึ่งพันห้าร้อยบาท แต่รวมกันแล้วไม่เกินห้าครั้งต่อเดือน
(๑๐) ไม่เป็นบุคคลติดยาเสพติดให้โทษ (๒) อนุกรรมการ ครั้งละหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบบาท แต่รวมกันแล้วไม่เกินห้าครั้งต่อเดือน
กรณีตาม (๑) (๒) และ (๔) คณะกรรมการอาจมีมติยกเว้นได้
98
