Page 26 - หนังสือรับรองการเกิด
P. 26

18



                    w พย�นบุคคลผู้น่�เชื่อถือ

                    แต่เดิมก�รสอบสวนพย�นบุคคลเกี่ยวข้องกับง�นก�รทะเบียนของกรมก�รปกครอง  หรือหน่วยง�นอื่นๆ  มักจะ
            อ�ศัยบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับประช�ชน ในฐ�นะเจ้�หน้�ที่ของรัฐที่เป็นผู้ที่ปฏิบัติง�นอยู่ในชุมชนหมู่บ้�นที่จะเป็นพย�นที่ไว้

            ว�งใจได้ คือ กำ�นัน ผู้ใหญ่บ้�น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้�น เป็นต้น แต่หลังจ�กที่ประช�ชนได้เรียนรู้เรื่องร�วต่�งๆ ประกอบกับ
            มีระบบก�รสื่อส�รโทรคมน�คมที่หล�กหล�ย  ประช�ชนที่มีข้อมูลได้เรียนรู้เรื่องร�วต่�งๆของสังคม  มีองค์คว�มรู้ม�กขึ้น

            ทำ�ให้ผู้ที่น่�จะได้มีโอก�สเป็นพย�นที่น่�เชื่อถือมีม�กขึ้น  ท�งร�ชก�รจึงปรับเปลี่ยนและกำ�หนดมีก�รพย�นบุคคลผู้น่�เชื่อ
            ถือเพิ่มขึ้นจ�กเดิม โดยกำ�หนดใหม่ ต�มหนังสือของกระทรวงมห�ดไทย ด่วนที่สุดที่ มท ๐๓๐๙.๑/ ว ๑๕๘๗ ลงวันที่

            ๒๒ พฤษภ�คม ๒๕๕๑ และหนังสือของสำ�นักทะเบียนกล�ง ด่วนที่สุดที่ มท ๐๓๐๙.๑/ ว ๘๔ ลงวันที่ ๒๓ สิงห�คม
            ๒๕๕๑ โดยมีร�ยละเอียดของพย�นที่น่�เชื่อถือ ดังนี้

                    ๑. ต้องเป็นผู้ที่บรรลุนิติภ�วะแล้วและต้องมีชื่อและร�ยก�รบุคคลในทะเบียนบ้�น
                    ๒. มีฐ�นะมั่นคง เป็นที่เค�รพนับถือของประช�ชนในท้องถิ่น มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน และรู้จักคุ้นเคยกับ

            ครอบครัวผู้ยื่นคำ�ขอเป็นอย่�งดี
                    ๓. เป็นผู้รู้เห็นก�รเกิดหรือส�ม�รถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถ�นะก�รเกิดของผู้ขอหนังสือรับรองก�รเกิด

                    ๔.  ถ้�เป็นข้�ร�ชก�รหรือเจ้�หน้�ที่ของรัฐหรือข้�ร�ชก�รบำ�น�ญต้องดำ�รงตำ�แหน่งหรือเคยดำ�รงตำ�แหน่งไม่ต่ำ�
            กว่�ระดับ ๓ หรือเทียบเท่�ระดับ ๓ ขึ้นไป และกำ�นัน หรือผู้ใหญ่บ้�น

                    ทั้ง ๔ ประก�ร จะเห็นว่� ใน ๓ ข้อแรกจะเป็นใครก็ได้ ตัวอย่�งเช่น พระภิกษุ หรือผู้นำ�ท�งศ�สน� หรือผู้นำ�
            เกษตรกร ก็น่�จะไม่ผิด หรือเป็นผู้แทนในระดับชุมชน ได้แก่ สม�ชิกสภ�ท้องถิ่น หรือผู้แทนของสม�ชิกองค์กรที่จัดตั้งขึ้น

            ต�มกฎหม�ยก็ได้ และถ้�เป็นข้อ ๑-๓ แล้วเพิ่มคุณสมบัติในข้อ ๔ ด้วยจะยิ่งน่�เชื่อถือม�กขึ้น เพร�ะมีฐ�นะเป็นบุคล�กร
            ของรัฐ แต่ที่สำ�คัญ คือ จะต้องเป็นผู้รู้เห็นก�รเกิด หรือส�ม�รถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถ�นก�รณ์เกิดของผู้ขอหนังสือรับรอง

            ก�รเกิดได้เป็นอย่�งดี มิฉะนั้น ผู้ที่เป็นพย�นอ�จจะได้รับโทษในกรณีแจ้งคว�มเท็จต่อเจ้�พนักง�น ต�มประมวลกฎหม�ย
            อ�ญ�ม�ตร� ๑๓๗ ที่มีโทษถึงจำ�คุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบ�ท หรือทั้งจำ�ทั้งปรับ นี่คือโอก�ส และคว�ม

            สำ�คัญของพย�นที่น่�เชื่อถือที่ทุกฅนจะต้องใช้คว�มพย�ย�มในก�รสืบค้นว่� ในขณะที่ม�รด�ตั้งครรภ์ มีผู้รู้เห็นหรือไม่ อย่�งไร
            ในระหว่�งก�รคลอดยิ่งสำ�คัญ และถ้�มีพย�นหลังคลอดก็ใช้ได้



                    wถ้�น�ยทะเบียนจะมีคำ�สั่งไม่ออกหนังสือรับรองก�รเกิด (ท.ร.๒๐/๑) ให้จะต้องทำ�อย่�งไรบ้�ง

                    จ�กในอดีตที่เมื่อมีประช�ชนไปติดต่อร�ชก�ร หลังจ�กยื่นคำ�ร้องพร้อมด้วยพย�นหลักฐ�นต่�งๆ แล้ว เมื่อผู้ใช้
            อำ�น�จต�มกฎหม�ยปฏิเสธไม่อนุญ�ต ก็ได้แต่ทร�บว่� ไม่อนุญ�ต แล้วก็เดินท�งกลับ แต่ในปัจจุบัน หลังจ�กมีก�รประก�ศ

            ใช้พระร�ชบัญญัติวิธีปฏิบัติร�ชก�รท�งปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ แล้ว หน่วยง�นร�ชก�รทุกหน่วย รวมถึงองค์กรที่รับอำ�น�จ
            ในก�รพิจ�รณ�อนุมัติ อนุญ�ตต่�งๆ ต้องปฏิบัติต�มก็คือ

                    ๑. ก�รระบุเหตุผลซึ่งอย่�งน้อยประกอบด้วย ข้อเท็จจริงอันเป็นส�ระสำ�คัญ
                    ๒. ข้อกฎหม�ยที่อ้�งอิง

                    ๓. ข้อพิจ�รณ�
                    ๔. ข้อสนับสนุนในก�รใช้ดุลพินิจของน�ยทะเบียน

                    ๕. แจ้งสิทธิในก�รอุทธรณ์ ก�รยื่นคำ�อุทธรณ์และระยะเวล�ก�รอุทธรณ์เป็นล�ยลักษณ์อักษรไว้ในหนังสือแจ้ง
            ผลก�รพิจ�รณ�ดังกล่�วด้วย





                          เรื่องเล่าเคล้าสิทธิมนุษยชน...ว่าด้วย "หนังสือรับรองการเกิด" และองค์ความรู้เกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31