Page 22 - สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีผู้ที่เคยรับโทษให้จำคุกถูกจำกัดสิทธิในการเข้ารับราชการ
P. 22

ให้เข้ารับราชการได้  ซึ่งจะยกเว้นให้เป็นการเฉพาะรายหรือจะประกาศยกเว้นให้เป็นการทั่วไปก็ได้
                    ตามระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการขอยกเว้นให้เข้ารับราชการกรณีมีลักษณะต้องห้ามเป็นข้าราชการพลเรือน

                    พ.ศ. ๒๕๕๒  ในกรณีที่ ก.พ. มีมติไม่ยกเว้นลักษณะต้องห้ามให้ผู้ใดผู้นั้นจะขอให้ ก.พ. พิจารณายกเว้น
                    ลักษณะต้องห้ามดังกล่าวนั้นอีกได้ต่อเมื่อพ้นกำาหนดเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่ ก.พ. มีมติ

                                        ในการปฏิบัติที่ผ่านมา การพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามในกรณีที่เป็น
                    ผู้เคยได้รับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุกนั้น ก.พ. ยังไม่เคยมีการวางหลักเกณฑ์ในการ

                    พิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามในกรณีนี้  แต่เคยมีการวางแนวทางในการพิจารณายกเว้นลักษณะ
                    ต้องห้ามกรณีเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม ตามมาตรา ๓๐ ข. (๗) แห่ง

                    พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์
                    ในการกระทำาเป็นเรื่องๆ และคำานึงถึงความรังเกียจของสังคมเป็นแนวทางในการพิจารณา  ส่วนกรณี

                    ที่ผู้มีลักษณะต้องห้ามได้รับการอภัยโทษ  หรือรับการล้างมลทินในวาระพิเศษ เฉพาะกรณีผู้ที่จะ
                    เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนเคยต้องคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุก และต่อมาได้รับการล้าง

                    มลทินนั้น  กรณีที่ผู้มีลักษณะต้องห้ามเข้าเงื่อนไขที่จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติ
                    ดังกล่าว  ก็ย่อมถือว่าผู้นั้นไม่มีลักษณะต้องห้ามในกรณีเป็นผู้เคยต้องรับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษา

                    ถึงที่สุดเพราะกระทำาความผิดอาญาตามมาตรา ๓๖ ข. (๗)  อย่างไรก็ตาม กรณีอาจเข้าข่ายเป็น
                    ผู้มีลักษณะต้องห้ามในกรณีเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม ตาม

                    มาตรา ๓๖ ข. (๔) ได้  เนื่องจากการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้น  กฎหมายล้าง
                    แต่เฉพาะโทษเท่านั้นหาได้ล้างพฤติการณ์การกระทำาผิดนั้นด้วยไม่

                                  ๒.๓)  ข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร ผู้ที่จะเข้ารับราชการ

                    เป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานครต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
                    ต้องห้าม โดยเป็นผู้เคยต้องรับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุกเพราะกระทำาความผิดทางอาญา

                    เว้นแต่เป็นโทษสำาหรับความผิดที่ได้กระทำาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ  หากผู้ที่จะเข้ารับราชการ
                    เป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานครมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว  ก.ก. อาจ

                    พิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้  ซึ่งต้องเป็นไปตามมติของ ก.ก. และในการยกเว้นดังกล่าวต้องได้
                    คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจำานวนกรรมการที่มาประชุม การลงมติให้กระทำาโดยลับ โดยเป็น

                    ไปตามระเบียบที่ ก.ก. กำาหนด ซึ่งจะยกเว้นให้เป็นการเฉพาะราย หรือจะประกาศยกเว้นให้เป็นการ
                    ทั่วไปก็ได้

                                  ๒.๔)  ข้าราชการตำารวจ  ผู้ที่จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำารวจต้อง

                    มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่กำาหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม
                    ของการเป็นข้าราชการตำารวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุด

                    ให้จำาคุก  เว้นแต่เป็นโทษสำาหรับความผิดที่กระทำาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ  หากผู้ที่จะเข้ารับ
                    ราชการเป็นข้าราชการตำารวจมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว ก.ตร. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้

                                  ๒.๕)  ข้าราชการฝ่ายอัยการ ผู้ที่จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการฝ่าย



                                                                                                         21

                                                         สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีผู้ที่เคยรับโทษให้จำาคุกถูกจำากัดสิทธิในการเข้ารับราชการ
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27