Page 83 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 83

๗๔
                                       รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”




                  แห่งชาติลงไปปรึกษาหารือกันว่า “จะน าไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในมุมที่เป็นคุณต่อการส่งเสริมสิทธิ

                  มนุษยชนในฐานะที่ทุกคนเป็นมนุษย์ได้อย่างไร”



                         นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ  กล่าวปิดเวทีน าเสนอผลการวิจัยว่า คณะกรรมการสิทธิ

                  มนุษยชนแห่งชาติให้ท าการวิจัยเรื่องนี้  เพราะการมองภาพรวมเรื่องการจัดการประชากรของภูมิภาค

                  อาเซียนไม่ใช่แค่เรื่องของผู้อพยพ หรือผู้ลี้ภัย ประเด็นที่พูดวันนี้เรื่องปัญหาในการบริหารจัดการผู้อพยพ

                  หรือผู้ลี้ภัยจากสงคราม  จึงเห็นด้วยที่ผู้แทนจาก IOM  บอกว่า “เป็นแค่เศษเสี้ยว เล็ก ๆ ของปัญหาการ


                  จัดการประชากร” แต่คิดว่าเรื่องนี้มีความส าคัญที่เป็นหัวใจของการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียนที่เราเห็น

                  ตรงกันว่า “ไม่ต้องการการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของคน หรือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องการพัฒนาเพื่อ

                  ประโยชน์ของประชาชน หรือว่าชาวอาเซียนทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นไทย   พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเชีย

                  อินโดนีเซียหรือแม้แต่ชาติที่ร ่ารวยอย่างบรูไนและสิงคโปร์



                         ประเด็นการน าเสนอผลการวิจัยวันนี้  ตั้งต้นจากการที่เราไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่

                  จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี หรือที่อ าเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ข้าราชการบอกกับผมว่า

                  “หมอครับ ผมเป็นทหาร ผมรู้สึกล าบากมากที่ต้องมาคอยต้อนรับหมอ หมอมาท าไม แทนที่ผมเอาเวลาไป

                  ป้ องกันชายแดน” ผมก็เลยบอกว่า “จริง ๆ แล้วผมมาช่วยพวกคุณนะ เพราะผมรู้ว่าปัญหาเรื่องการดูแล

                  ชายแดนมันไม่ควรจ ากัดเฉพาะทหาร มันควรจะเป็นเรื่องของหน่วยงานของรัฐ หรือกระทรวงอื่น ๆ มาช่วย

                  ดูแล เพราะเวลาใครพูดอะไรเขาก็ด่าทหารอย่างเดียวว่า ทหารจัดการไม่ดี เช่น เรื่องการส่งกลับ”



                         ตอนที่ไปพบแม่ทัพภาค๓ ผมพูดเลยว่า  “หลักการส่งกลับจะยึดหลักสิทธิมนุษยชน” แต่ในทาง

                  ปฏิบัติชาวบ้านที่มาร้องกับหมอซินเธีย หม่อง ตอนที่มาร้องก็อยู่ในป่าเขาชายแดนไทย –  พม่า มีจ านวน

                  มากถึง ๑๐,๐๐๐  กว่าคน แต่ละคนมีสภาพไม่ใช่แค่ว่าน่าสงสาร เพราะเขาไม่ควรจะมารับเคราะห์กรรม

                  หรือภัยพิบัติที่ไม่ได้เกิดจากน ้ามือของเขาเลย   ประเด็นเหล่านี้ท าให้ผมเกิดความรู้สึกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องของ

                  ภาคประชาชน หรือ NGOs  อย่างเดียวที่มาร้องกับเรา เพราะมันมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการบริหาร


                  จัดการภาครัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง


                         สภาพปัญหาในพื้นที่ที่กระทบต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตปกติสุข ประเด็นการ

                  ละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิในการมีชีวิต และการที่จะให้หลักประกันความปลอดภัยเพื่อส่งกลับโดยสมัคร

                  ใจ แต่ปัญหาตรงนั้นไม่ใช่เรื่องที่จบได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เลยเกิดปัญหาการละเมิดสิทธิอื่น ๆ ต่อเนื่อง เช่น
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88