Page 22 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
P. 22
20
บทน�ำ
การจัดท�ารายงานผลการประเมินสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย
ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศเป็นหน้าที่และอ�านาจ ข้างต้น กสม. ได้จัดท�าแผนการด�าเนินการจัดท�ารายงาน
ของ กสม. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง ผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของ
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 247 (2) และ ประเทศไทยประจ�าปี 2565 ประกอบด้วย
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 26 (2) ประกอบ 1. แนวทำงกำรด�ำเนินกำรและแผนงำน
มาตรา 33 ซึ่งก�าหนดให้ กสม. เฝ้าระวังและติดตาม ในการจัดท�ารายงานผลการประเมินสถานการณ์
เหตุการณ์หรือสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ ด้านสิทธิมนุษยชนฉบับนี้ กสม. ได้เก็บรวบรวมข้อมูล
อย่างต่อเนื่อง และจัดท�ารายงานเสนอต่อรัฐสภาและ เหตุการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นระหว่างเดือน
ครม. และเผยแพร่ต่อประชาชน และให้ ครม. ด�าเนินการ มกราคม - ธันวาคม 2565 และการด�าเนินการของ
ปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสมโดยเร็ว กรณีไม่อาจ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
ด�าเนินการได้หรือต้องใช้เวลาในการด�าเนินการต้องแจ้ง ได้แก่ แหล่งข่าวที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ เรื่องร้องเรียน
เหตุผลให้ กสม. ทราบโดยไม่ชักช้า ที่ กสม. ได้รับรายงานผลการตรวจสอบการละเมิด
สิทธิมนุษยชนและข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง
พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติฯ ได้ก�าหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดท�า ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ กสม.
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน การสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง
การจัดให้มีกระบวนการปรึกษาหารือและรับฟังข้อมูล
โดยมาตรา 40 ก�าหนดกรอบเวลาให้ กสม. จัดท�ารายงาน จากผู้แทนของภาคประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน
ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และ และหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้านและ
ให้จัดท�าเป็นการสรุป ประกอบด้วยปัญหา อุปสรรค และ มีการสอบทานข้อมูลเพื่อความถูกต้อง จากนั้นได้น�า
ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ข้อมูลทั้งหมดมาประมวลและวิเคราะห์เปรียบเทียบกับ
โดยมิให้ระบุรายละเอียดอันเป็นการเปิดเผยความลับ หลักสิทธิมนุษยชนที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎหมายภายใน
ของบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยไม่จ�าเป็น และสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน
และต้องค�านึงถึงความถูกต้อง เป็นธรรม และผลประโยชน์ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม
ส่วนรวมของชาติเป็นส�าคัญ และมาตรา 41 ก�าหนดให้ ทั้งพันธกรณีในการเคารพการใช้สิทธิของประชาชน
กสม. จัดให้มีแผนการด�าเนินการเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ การคุ้มครองบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิ และการด�าเนินการ
เป็นไปโดยไม่ชักช้าแล้วเสร็จในระยะเวลาที่ก�าหนด ให้สิทธิเป็นจริง รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ
ต่อประเทศไทยของคณะกรรมการประจ�าสนธิสัญญา
ระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี
โดยแผนการด�าเนินการจัดท�ารายงานฯ ประกอบด้วย
5 ขั้นตอน ดังนี้
001-234 V9 CS6.indd 20 3/14/23 8:40 PM

