Page 29 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
P. 29
1.5 นโยบ�ยคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ ชุดที่ 4
ตามที่ กสม. ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นั้น กสม. ตระหนักถึงความท้าทายในการเข้ามาท�าหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ในสภาวะที่เกิดวิกฤติการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ซึ่งมีผลกระทบกับชีวิตและสิทธิของผู้คนในทุกด้าน ไม่ว่าด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม ท�าให้ประชาชนบางกลุ่ม
ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคม และ
โลกปัจจุบันจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ผลกระทบของระบบนิเวศ และความซับซ้อนของปัญหาความเหลื่อมล�้า
ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
กสม. ตระหนักดีว่าสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคนในสังคม ที่จะต้องร่วมมือกันในการส่งเสริม ป้องกันและแก้ไขปัญหา
เพื่อน�าพาสังคมไทยไปสู่การเคารพในสิทธิมนุษยชน และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ด้วยความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วม
เป็นส�าคัญ ขณะเดียวกันการท�างานของ กสม. จะต้องมีความโปร่งใส กล้าหาญ เที่ยงธรรม ปราศจากอคติ เป็นกลาง และ บทน�ำ
สร้างสรรค์เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ กสม. จึงได้ก�าหนดแนวนโยบายพื้นฐานส�าหรับการด�าเนินงานของ กสม. ชุดที่ 4 ไว้ ดังนี้
มุ่งเน้นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยการน�าเทคโนโลยีสารสนเทศ
1 มาสนับสนุนการปฏิบัติงานเพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที บทที่
รวมทั้งการแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบ โดยจะร่วมมือ 1
กับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในการแก้ไขปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย
แนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี
2 ส่งเสริมวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชน การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การเคารพ
ความแตกต่างในความคิดเห็น ความเชื่อ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ ภาษา หรือสถานะอื่นใด รวมทั้งการเคารพ
สิทธิและเสรีภาพภายใต้กรอบของกฎหมาย อันจะน�าไปสู่ความปรองดองในสังคม การไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช้ถ้อยค�า
ที่แสดงถึงการดูถูก ดูหมิ่น หรือสร้างความเกลียดชัง หรือลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น เพื่อให้
ทุกคน ทุกกลุ่มในสังคม อยู่ร่วมกันได้โดยสันติ
3 สร้างและสนับสนุนกระบวนการความร่วมมือขององค์กรเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ให้มี
ความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ประชาสังคม
ภาคเอกชน ภาครัฐ รวมถึงสถาบันวิชาการ สื่อมวลชน และคนรุ่นใหม่
สร้างความเชื่อมั่นต่อบทบาทของ กสม. ในระดับสากล โดยผลักดันให้มีการแก้ไขบทบัญญัติ
4 ของกฎหมายที่ยังอาจไม่สอดคล้องกับหลักการปารีส ในประเด็นหน้าที่และอ�านาจของ กสม. ทั้งนี้ เพื่อให้
กสม. มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นในบทบาทหน้าที่เพื่อความผาสุกของประชาชน ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น
แก่ประชาชนและประชาคมระหว่างประเทศ จนส่งผลให้ กสม. ได้รับการปรับสถานะจากระดับ B กลับ
คืนสู่สถานะ A ซึ่งจะช่วยให้ กสม. ท�าหน้าที่เพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
และเป็นการเรียกคืน ศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย
5 เร่งพัฒนาส�านักงาน กสม. ให้มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง บนฐานคิดในการน�าระบบ
เทคโนโลยีดิจิทัล และการบริหารจัดการสารสนเทศระบบคลังข้อมูล (Big Data) มาใช้เป็นเครื่องมือในการ
บริหารจัดการและพัฒนาองค์ความรู้ขององค์กร (KM) รวมทั้งเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรและคุณภาพชีวิต
ของบุคลากรในองค์กรให้ดีและมีความสุขในการท�างาน
27