Page 10 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
P. 10
รายงานผลการปฎิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 09
ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การขับเคลื่อนสิทธิของคนพิการโดยเฉพาะมิติ
ทางเพศสภาพ รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และ 3) การเตรียมการขอทบทวนสถานะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติให้กลับคืนสู่สถานะ A ต่อเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (GANHRI) ซึ่งมีก�าหนด
จะพิจารณาค�าขอทบทวนสถานะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประเทศไทย ในเดือนธันวาคม 2563
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีการศึกษาและวิเคราะห์การจัดตั้งส�านักงาน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในส่วนภูมิภาค และได้พิจารณาเลือกพื้นที่ภาคใต้ ณ จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่น�าร่อง
เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีกรณีเรื่องร้องเรียนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนสูง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ภาษา ศาสนา เชื้อชาติและสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเป็นหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องกับ
หลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยมีเป้าหมายที่ส�าคัญ อาทิ การเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงและได้รับการส่งเสริม
และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อให้เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ
การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ได้รับการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่ก�าหนดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ล่าช้า และเพื่อให้
มีการเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่เป็นไปด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง
อนึ่ง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีความท้าทาย
ส�าคัญอันเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าวเพราะจะส่งผลกระทบต่อสิทธิและความเป็นอยู่
ของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วง
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นอย่างมาก โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกแถลงการณ์ กสม.
เรื่อง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หลายฉบับ อาทิ เรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้ง
องค์กรที่มีกลไกร่วมกันในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์และสิ่งจ�าเป็น
ในการป้องกันโรค ให้การดูแลเยียวยาเป็นพิเศษแก่ผู้มีรายได้น้อยและประชาชนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งหลายกรณี รัฐได้ปรับปรุง
แนวทางหรือมาตรการการด�าเนินงานที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะแล้ว
อย่างไรก็ดี การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะบรรลุผลส�าเร็จเป็นผลดีแก่ประเทศชาติ
และประชาชนส่วนรวมไม่ได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล องค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคประชาสังคม และสถาบันการศึกษา ปรากฏว่ารัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ดังกล่าวได้ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา
ด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน สนับสนุนการท�างานเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เป็นรายกรณี
และในเชิงระบบ ด้วยความจริงใจและมุ่งหวังผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง ในโอกาสนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติจึงขอขอบคุณรัฐบาล และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ ณ โอกาสนี้
นายวัส ติงสมิตร
ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กันยายน 2563