Page 7 - คู่มือประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน และรายการตรวจสอบของภาคธุรกิจ
P. 7

เกริ่นน�ำ  1

















                                       “สิทธิมนุษยชน” คืออะไร?




                  “สิทธิมนุษยชน”  คือชุดหลักการและมาตรฐานพื้นฐานซึ่งมีเป้าหมายที่จะรับประกันศักดิ์ศรี  เสรีภาพ
            และความเท่าเทียมให้กับมนุษย์ทุกคน  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในปี  1948  ระบุสิทธิมนุษยชน

            พื้นฐาน  30  ประการ  ประกอบกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ  สังคม  และวัฒนธรรม
            (International Covenant on Economic, Socia l and Cultural Rights ย่อว่า ICESCR) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วย
            สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights ย่อว่า ICCPR)

            และพิธีสารเลือกรับ  (Optional  Protocol)  อีกสองฉบับ  รวมกันเป็น  “ตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ”
            (International Bill of Human Rights)


                  หลักการสิทธิมนุษยชนกำาหนดว่า  (1)  ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นสิทธิตามธรรมชาติติดตัวมาแต่กำาเนิด
            (2) สิทธิมนุษยชนเป็นสากลไม่สามารถถ่ายโอนกันได้ (3) สิทธิมนุษยชนไม่สามารถแยกส่วนได้ว่าสิทธิใดมีความสำาคัญ

            กว่าอีกสิทธิหนึ่ง  (4)  ต้องเคารพความเสมอภาค  และการเลือกปฏิบัติถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
            (5) ประชาชนและประชาสังคมย่อมมีส่วนร่วมในการเข้าถึง และเลือกรับประโยชน์จากสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง
            สิทธิทางเศรษฐกิจ  สังคมและวัฒนธรรม  และรัฐต้องมีมาตรการในการปกครองประเทศโดยใช้หลักนิติธรรม

            และตรวจสอบได้ (อมรา พงศาพิชญ์, 2557)


                  ในแง่กฎหมาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช 2550 คุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะ
                  ในแง่กฎหมาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 คุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะ
            ในหมวดที่ 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวดที่ 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส่วนรัฐธรรมนูญ
            ในหมวดที่  3  สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวดที่  5  แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส่วนรัฐธรรมนูญ
            แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บัญญัติไว้ในหมวดที่ 3 เช่น มาตรา 27 บัญญัติว่า “บุคคลย่อมเสมอกัน
            แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับลงประชามติ พุทธศักราช 2559 บัญญัติไว้ในหมวดที่ 2 เช่น มาตรา 27 บัญญัติว่า
            ในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
            “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิง
            การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นก�าเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ
            มีสิทธิเท่าเทียมกัน  การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล  ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำาเนิด
            ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การ
            เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม
            ศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือเหตุอื่นใด จะกระท�ามิได้
            ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
            มาตรการที่รัฐก�าหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิหรือเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคล
            หรือเหตุอื่นใด จะกระทำามิได้ มาตรการที่รัฐกำาหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิหรือ เสรีภาพ
            อื่น หรือเพื่อคุ้มครองหรืออ�านวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส ย่อมไม่ถือว่าเป็นการ
            ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองหรืออำานวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาส
            เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม...”
            ย่อมไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม...”
















                                                                                                           7
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12