Page 6 - ข้อเสนอแนะการเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
P. 6

يمحرلا نحمرلا للها مسب

                                                        ค�าน�า





                      อิสลามเป็นศาสนาที่มีบทบัญญัติครอบคลุมในทุกมิติและทุกย่างก้าวของชีวิตที่มุสลิมทุกคนจะต้องมี

               ความศรัทธายึดถือและน�าไปปฏิบัติในชีวิตประจ�าวันตั้งแต่ตื่นจนหลับและเกิดจนตาย อย่างไรก็ตาม เมื่อศาสนาอิสลาม
               ซึ่งถือก�าเนิดในดินแดนคาบสมุทรอาหรับได้แพร่ขยายไปในดินแดนอื่นๆ จนกลายเป็นศาสนาสากลดังเช่นศาสนา

               ทั้งหลายนั้น ย่อมมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีมาก่อน ซึ่งในหลายๆ เรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นเหล่านั้นไม่ได้
               ขัดกับหลักการค�าสอนของศาสนาอิสลามแต่อย่างใด แต่ในหลายสังคมเราก็พบว่าได้มีความเชื่อและประเพณีปฏิบัติ
               หลายอย่างที่ไม่ได้สอดคล้องกับหลักและแก่นค�าสอนของอิสลาม และหนึ่งในนั้นคือ ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสิทธิของ

               ผู้หญิงในทัศนะอิสลามจนถูกคนที่นับถือศาสนาอื่นโจมตีหรือมองในเชิงลบ และมีอคติว่าอิสลามเป็นศาสนาที่เอาเปรียบ
               กดขี่ผู้หญิงและไม่ให้สิทธิแก่ผู้หญิงอย่างที่ควรจะเป็น

                      แท้ที่จริงแล้ว หากเราจะท�าความเข้าใจประเด็นสิทธิของผู้หญิงในทัศนะอิสลามนั้น จ�าเป็นที่เราจะต้องเข้าใจ
               สภาพของสังคมในคาบสมุทรอาหรับก่อนที่จะก�าเนิดศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นสภาพที่ผู้หญิงชาวอาหรับขณะนั้นถูกมอง
               เป็นเพียงสินค้าและวัตถุทางเพศ และแทบจะไม่มีสิทธิเสรีภาพใดๆ และเป็นความอับอายของครอบครัวจนกระทั่ง

               ถึงกับมีการฝังทารกผู้หญิงทั้งเป็นจ�านวนมาก แต่ค�าสอนของศาสนาอิสลามได้มาปฏิเสธประเพณีความเชื่อที่ลดทอน
               คุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงในสังคมอาหรับขณะนั้น โดยมองว่ามนุษย์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างมีศักดิ์ศรี

               ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันในฐานะที่เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า (ค่อลีฟะตุ้ลลอฮ์) บนโลกนี้ ดังคัมภีร์อัล-กุรอาน
               ได้กล่าวไว้ความว่า:


                      “แท้จริงข้าจะให้มีผู้แทนคนหนึ่งในพิภพ” (อัล-กุรอาน ๒: ๓๐)
                      และพระผู้เป็นเจ้ายังทรงห้ามการท�าลายชีวิตของทารกผู้หญิงดังปรากฏในคัมภีร์อัล-กุรอาน ที่ได้กล่าวไว้

               ความว่า :
                      “และเมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวว่าได้ลูกผู้หญิง ใบหน้าของเขากลายเป็นหมองคล�้าและเศร้าสลด
               เขาจะซ่อนตัวเองจากกลุ่มชนเนื่องจากความอับอายที่ได้ถูกแจ้งแก่เขา เขาจะเก็บเอาไว้ด้วยความอัปยศหรือฝังมันใน

               ดิน พึงรู้เถิดสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจนั้นมันชั่วแท้ๆ” (อัล-กุรอาน ๑๖: ๕๘-๕๙)
                      “และเมื่อทารกหญิงที่ถูกฝังทั้งเป็นถูกถามด้วยความผิดอันใดเขาจึงถูกฆ่า” (อัล-กุรอาน ๘๑: ๘-๙)


                      และท่านนบีมุฮัมหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ยังได้กล่าวไว้อีกว่า สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าโกรธกริ้วมากที่สุด
               คือ การละเลยทอดทิ้งสิทธิของผู้หญิงและเด็ก


















                                                  ข้อเสนอแนะ การเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ก
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11