Page 207 - ตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคี : จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ
P. 207
๑๗
๓. เมื่อขอแกไขเพิ่มเติมเหลานั้นมีผลบังคับใชแลว ขอแกไขเพิ่มเติมนั้นจะมีผลผูกพันรัฐภาคีทั้งปวงที่
ไดยอมรับขอแกไขเพิ่มเติมนั้น สวนรัฐภาคีอื่นยังคงถูกผูกพัน โดยบทบัญญัติของอนุสัญญานี้และขอ
แกไขเพิ่มเติมอื่นใดกอนหนานั้นที่รัฐภาคีเหลานั้นไดตกลงรับไวแลว
ขอ ๓๐
๑. ขอพิพาทใดระหวางรัฐภาคีสองรัฐหรือกวานั้นขึ้นไปที่เกี่ยวกับการตีความหรือการใชบังคับของ
อนุสัญญานี้ ที่ไมสามารถระงับไดโดยการเจรจา ตองมอบใหอนุสัญญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดตามคํา
รองขอของรัฐภาคีคูพิพาทรัฐใดรัฐหนึ่ง หากภายในหกเดือนนับจากวันที่มีการรองขอใหมีการวินิจฉัย ชี้
ขาดขอพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ คูพิพาทยังไมสามารถตกลงกันไดในเรื่องการจัดใหมีการวินิจฉัยชี้
ขาดโดยอนุญาโตตุลาการ คูพิพาทฝายใดฝายหนึ่งมีสิทธิที่จะสงขอพิพาทนั้นไปยังศาลยุติธรรมระหวาง
ประเทศตามคํารองขอตามธรรมนูญของศาลฯ
๒. รัฐแตละรัฐสามารถที่จะประกาศในขณะที่ลงนามหรือใหสัตยาบันอนุสัญญานี้ หรือภาคยานุวัติการ
เขาเปนภาคี วาตนไมถือวาตนถูกผูกพันโดยวรรค 1 ของขอนี้ รัฐภาคีอื่นๆ จะไมถูกผูกพันโดยวรรค ๑
ของขอนี้ในสวนที่เกี่ยวกับรัฐภาคีที่ไดตั้งขอสงวนเชนวาไว
๓. รัฐภาคีใดที่ไดตั้งขอสงวนตามวรรค ๒ ของขอนี้ไวมีสิทธิที่จะเพิกถอนขอสงวนนี้เมื่อไรก็ได โดยการ
แจงตอเลขาธิการสหประชาชาติ
ขอ ๓๑
๑. รัฐภาคีรัฐใดรัฐหนึ่งสามารถที่จะบอกเลิกอนุสัญญานี้ไดโดยการแจงเปนลายลักษณอักษรตอ
เลขาธิการสหประชาชาติ การบอกเลิกจะมีผลหลังจากวันที่เลขาธิการสหประชาชาติไดรับการแจงเชน
วาแลวหนึ่งป
๒. การบอกเลิกเชนวาจะไมมีผลเปนการปลอยรัฐภาคีใหพนจากพันธกรณีของตนตามอนุสัญญานี้ ใน
สวนที่เกี่ยวกับการกระทําหรือการละเวนกระทําการใดที่เกิดขึ้นกอนวันที่การบอกเลิกนั้นมีผล หรือการบอก
เลิกนั้นจะไมกระทบแตอยางใดตอการพิจารณาที่ยังดําเนินอยูตอไปในเรื่องใดที่ไดเริ่มการพิจารณาไปแลว
กอนที่วันที่การบอกเลิกจะมีผล