Page 11 - สิทธิของบุคคลในครอบครัว กรณีการกล่าวคำสาบานตนก่อนเบิกความเป็นพยานในศาลของแต่ละศาสนามีความแตกต่างกัน
P. 11
๒) ศาสนาอิสลาม
“ข้าพเจ้าขอสาบานตนต่อพระอัลเลาะห์ว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความ
สัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำาความเท็จมากล่าว ขอองค์พระอัลเลาะห์ทรงโปรดลงโทษข้าพเจ้า
หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอองค์พระอัลเลาะห์ทรงโปรดตอบแทนข้าพเจ้าด้วยความดีงาม
ทั้งหลายด้วย”
๓) ศาสนาคริสต์
“ข้าพเจ้าขอสาบานตนต่อพระเยซูว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริง
ทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำาความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอภยันตรายและความวิบัติทั้งปวงจงบังเกิด
แก่ข้าพเจ้าและครอบครัวโดยพลัน หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว
จงประสบแต่ความสุขความเจริญ”
ประกอบกับแบบพิมพ์คำากล่าวสาบานก่อนเบิกความของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธกับ
ศาสนาอิสลาม มีข้อความที่แตกต่างกัน โดยผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่มีข้อความที่กล่าวถึงครอบครัว
ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยถือเหตุแห่งความเชื่อทางศาสนา ตามนัยมาตรา ๓๐ ของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
๒. จากคดีดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากคดีของผู้ร้องไม่มีมูล
ผู้ร้องจึงได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อมา ศาลชั้นต้นได้พิจารณาคำาอุทธรณ์ของผู้ร้องแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของผู้ร้อง
มีถ้อยคำาลักษณะประชดประชันศาล จึงให้ผู้ร้องจัดทำาอุทธรณ์ยื่นมาใหม่ภายใน ๗ วัน แต่ผู้ร้องไม่ได้
จัดทำาอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่ศาลกำาหนด โดยผู้ร้องอ้างว่า ศาลไม่แจ้งเหตุผลว่าอุทธรณ์ของผู้ร้อง
มีลักษณะประชดประชันอย่างไร ผู้ร้องจึงไม่สามารถแก้ไขและยื่นอุทธรณ์ใหม่ได้ ศาลชั้นต้นจึงมี
คำาสั่งไม่รับคำาอุทธรณ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องได้อุทธรณ์คำาสั่งดังกล่าว และศาลอุทธรณ์ได้ยกคำาร้อง ต่อมา
ผู้ร้องได้ยื่นฎีกาโดยอ้างว่า คำาสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ขัดต่อมาตรา ๔๐ (๒) ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ผู้ร้องเห็นว่า การที่ศาลฎีกามีคำาสั่งว่าคำาสั่งศาลชั้นต้น
ที่ไม่รับคำาอุทธรณ์ของผู้ร้อง และคำาสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยกคำาร้องของผู้ร้อง เป็นคำาสั่งที่ชอบแล้วนั้น
เป็นไปโดยไม่ชอบ เนื่องจากศาลฎีกาไม่ได้ส่งคำาร้องของผู้ร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน
ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ผู้ร้องได้ยื่นคำาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้
พิจารณาวินิจฉัย กรณีศาลแขวงนนทบุรีไม่ส่งเรื่องของผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นที่
ผู้ร้องเห็นว่าจำาเลยในคดีหมายเลขดำาที่ ๑๒๓๐/๒๕๕๒ กระทำาความผิดตามมาตรา ๖ มาตรา ๒๗
มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๑๑ และมาตรา ๒๑๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
และประเด็นที่ศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องแก้ไขคำาอุทธรณ์โดยไม่แจ้งเหตุผล ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม
๒๕๕๒ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำาสั่งไม่รับคำาร้อง เนื่องจากคำาร้องไม่ต้องตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๑๒
ประเด็นที่ผู้ร้องประสงค์ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตรวจสอบ คือ ขอให้ตรวจสอบ
การละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งขอให้เสนอเรื่องและความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง
และมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายต่อไป
10
สิทธิของบุคคลในครอบครัว กรณีการกล่าวคำาสาบานตนก่อนเบิกความเป็นพยานในศาลของแต่ละศาสนามีความแตกต่างกัน
ทำาให้กระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นการกระทำาที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐