Page 269 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 269

267
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                                การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน

                     อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่
                     ส่วนตัวจะกระทำามิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

                                บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากข้อมูล
                     ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

                                มาตรา ๕๖  บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะ
                     ในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่

                     การเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารนั้นจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน
                     หรือส่วนได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่

                     กฎหมายบัญญัติ

                           ๔.๒  กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

                                ข้อ ๑๗

                                ๑. บุคคลจะถูกแทรกแซงความเป็นส่วนตัว ครอบครัว เคหสถาน หรือการติดต่อสื่อสาร
                     โดยพลการหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายมิได้  และจะถูกลบหลู่เกียรติและชื่อเสียงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

                     มิได้
                                ๒. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายมิให้ถูกแทรกแซงหรือ

                     ลบหลู่เช่นว่านั้น

                           ๔.๓  ข้อคิดเห็นร่วมอันสำาคัญของคณะกรรมการประจำากติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ

                                พลเมืองและสิทธิทางการเมือง
                                ลำาดับที่  ๑๖  ข้อ  ๑๗  สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว  ครอบครัว  เคหสถานและการติดต่อ

                     สื่อสาร

                                ......การรวบรวมและจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล โดยใช้คอมพิวเตอร์ฐานข้อมูล หรือ
                     เครื่องมือใดไม่ว่านำาโดยรัฐหรือเอกชนจะต้องควบคุมโดยกฎหมาย รัฐต้องมีมาตรการไม่ให้ข้อมูลนั้น
                     ตกอยู่ในมือของบุคคลอื่นที่ไม่มีอำานาจ บุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บต้องได้รับการแจ้งว่ามีการ

                     จัดเก็บข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ใด และข้อมูลประเภทใด องค์กรใดเป็นผู้จัดเก็บหรือควบคุมการเข้าถึง

                     และบุคคลนั้นมีสิทธิเข้าถึงหรือขอแก้ไข รัฐมีหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองเกียรติยศ ชื่อเสียง ตลอด
                     จนมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพให้บุคคลที่ละเมิดสิทธิข้อนี้ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำา ๒๑๙









                     ๒๑๙ นนทวัชร์ นวตระกูลพิสุทธิ์, ผศ.ดร., ในสำานักงาน กสม., เรื่องเดียวกัน, หน้า ๔๖.
   264   265   266   267   268   269   270   271   272   273   274