Page 41 - การรวบรวมและวิเคราะห์เปรียบเทียบรายงานตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง แร่และสิ่งแวดล้อม ในอนุคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (พ.ศ.2544-2550)
P. 41
ั
(1) รายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการให้มีการด าเนินการตามมาตรการการแก้ไขปญหา
การละเมิดสิทธิมนุษยชน ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน ในการนี้
คณะกรรมการต้องก าหนดรายละเอียดในการใช้อ านาจตามกฎหมาย เพื่อการสั่งการ
16
ของนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 30
(2) หากนายกรัฐมนตรีไม่มีการด าเนินการหรือสั่งการให้ด าเนินการตามมาตรการการแก้ไข
ั
ปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่คณะกรรมการเสนอ คณะกรรมการมีอ านาจ
รายงานต่อรัฐสภาเพื่อด าเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการรายงานต่อรัฐสภาดังกล่าว หาก
คณะกรรมการเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม คณะกรรมการจะ
ั
เผยแพร่กรณีที่ไม่มีการด าเนินการตามมาตรการการแก้ไขปญหาการละเมิดสิทธิ
17
มนุษยชนนั้นให้สาธารณชนทราบก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 31
ง. วิธีการตรวจสอบ
พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้ก าหนดอ านาจในการ
ปฏิบัติหน้าที่การตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิไว้ใน มาตรา 32 ดังต่อไปนี้
1. ในการตรวจสอบกรณีร้องเรียน คณะกรรมการมีอ านาจออกหนังสือสอบถามส่วน
ราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการ
ปฏิบัติราชการหรืองานใด ๆ หรือส่งวัตถุเอกสาร หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือส่งผู้แทนมาชี้แจงหรือ
ให้ถ้อยค าประกอบการพิจารณาได้
2. คณะกรรมการมีอ านาจออกหนังสือเรียกบุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานเอกชนที่
เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยค าหรือให้ส่งวัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องมาตามวัน เวลา และสถานที่ที่
ก าหนด
3. ในการส่งหนังสือเรียกจะต้องส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ณ ภูมิล าเนาหรือ
ส านักงานของผู้รับ ในกรณีที่ไม่อาจส่งหนังสือเรียกให้แก่ผู้รับตามวิธีดังกล่าวได้หรือไม่มีการปฏิบัติตาม
หนังสือเรียกภายในระยะเวลาอันสมควร คณะกรรมการสามารถส่งโดยวิธีดังกล่าวได้อีกครั้งหนึ่ง หรือจะจัดส่ง
โดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
4. คณะกรรมการสามารถด าเนินการขอให้ศาลที่มีเขตอ านาจออกหมายเพื่อเข้าไปใน
เคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องกระท าเท่าที่จ าเป็นและโดยไม่ชักช้า
โดยก่อนการตรวจสอบหรือรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าว ให้กรรมการหรือพนักงาน
เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายแสดงความบริสุทธิ์เสียก่อนและเท่าที่สามารถกระท าได้ และให้ด าเนินการต่อ
หน้าผู้ครอบครองหรือดูแลสถานที่หรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง หรือถ้าหาบุคคลดังกล่าวนั้นไม่ได้ ก็ให้ด าเนินการต่อ
หน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคน ซึ่งได้ขอร้องมาเป็นพยาน ในการนี้ ให้ผู้ครอบครองหรือดูแลสถานที่ หรือผู้ซึ่ง
เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย
18
เป็นไปโดยสะดวก
16
โปรดดูภาคผนวก หมวดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 30
17
โปรดดูภาคผนวก หมวดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 31
18
โปรดดูภาคผนวก หมวดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 32
26