Page 5 - การรวบรวมและวิเคราะห์เปรียบเทียบ รายงานตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง แร่ และสิ่งแวดล้อม ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (พ.ศ. 2545 - 2550) : (รายงานหลัก)
P. 5
ค ำน ำ
ั่
คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน ้า ชายฝง แร่ และสิ่งแวดล้อม เป็นคณะอนุกรรมการที่มีที่มา
จากการควบรวมการท างานตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิชุมชนจาก
คณะอนุกรรมการคณะต่างๆที่ได้แต่งตั้งโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คือ คณะอนุกรรมการเพื่อ
ั
การศึกษาและตรวจสอบกรณีปญหาเหมืองแร่ (2545) ต่อมาเปลี่ยนเป็นคณะกรรมการสิทธิในทรัพยากรน ้าและแร่
ั่
(2548) และควบรวมกับคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรทางทะเลและชายฝง (2549) เป็นคณะอนุกรรมการสิทธิ
ั่
ในทรัพยากรน ้า ชายฝง และแร่ ซึ่งต่อมาควบรวมกับคณะอนุกรรมการด้านพลังงานและอุตสาหกรรม จึงแต่งตั้งใหม่
ั่
เป็นคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากร น ้า ชายฝง แร่ และสิ่งแวดล้อม (2550) จนกระทั่งสิ้นสุดการท างานในเดือน
เมษายน 2551
ผู้ศึกษาได้มีโอกาสร่วมเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการทั้งหมดดังที่กล่าวมาแต่เบื้องต้นโดยตลอด
ท าให้ทราบความเป็นมาและล าดับแนวคิดในกระบวนการตรวจสอบ การเสนอความเห็น และ มาตรการในการแก้ไข
ั
ปญหา ตลอดจนแนวทางการจัดท ารายงานการตรวจสอบนับร้อยกรณี ซึ่งพบว่ามีข้อมูลและองค์ความรู้ที่ส าคัญเป็น
จ านวนมากสมควรที่จะได้มีการประมวลผลการท างานและจัดระบบข้อมูลเก็บไว้เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณะชนได้
ั
เรียนรู้และปรับใช้เป็นแนวทางเพื่อแก้ไขปญหาการละเมิดสิทธิชุมชนในเรื่องฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมต่อไป
ั
ั
ประสบการณ์ส าคัญของการตรวจสอบกรณีปญหา คือ การศึกษาปญหาในการใช้กฎหมายที่
เกี่ยวข้องของหน่วยงานต่างๆในการคุ้มครองสิทธิของประชาชนมิให้ได้รับความเดือดร้อนจากการด าเนินกิจกรรมการ
พัฒนาทรัพยากรทั้งจากโครงการภาครัฐและเอกชน รวมถึงกรอบคิดการคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี พ.ศ.
ั
2540 และ พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ในภาพรวมแล้วพบว่าการแก้ไขปญหาทุกกรณีจ าเป็นต้องผสานกลไกการคุ้มครองสิทธิ
ของกฎหมายหลายฉบับ ทั้งจากหน่วยงานที่มีหน้าที่อนุญาตและตรวจสอบกิจการโดยตรง และทั้งจากหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องอื่นๆ และจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญประกอบ
ั
ั
แต่อย่างไรก็ตาม ปญหาที่พบประการส าคัญได้แก่กลไกการแก้ไขปญหาตามข้อเสนอในรายงาน
จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่มีผลบังคับทางกฎหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น
ั
้
หากยังไม่มีการแก้ไขปญหาตามข้อเสนอแล้ว ชุมชนย่อมจ าเป็นที่จะต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรมในการฟองร้อง
ั
ให้เกิดการแก้ไขปญหาต่อไปเอง และแน่นอนว่าชุมชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อมในการด าเนินการดังกล่าว ดังนั้น
กรณีความเดือดร้อนเป็นจ านวนมากจึงมิได้รับการแก้ไขตามมาตรการที่ได้เสนอในรายงาน
คณะผู้ศึกษาหวังว่า องค์ความรู้และแนวคิดการคุ้มครองสิทธิตามรายงานนับร้อยกรณีที่ได้
รวบรวมในครั้งนี้จะน าไปสู่กระบวนการพัฒนาการคุ้มครองการละเมิดสิทธิ และน าไปสู่กระบวนการสร้างความ
ั
้
เข้มแข็งของชุมชนในการปกปองสิทธิของตนเอง ตลอดจนน าไปสู่กระบวนการแก้ไขปญหาเชิงนโยบายของชาติใน
ั
การคุ้มครองสวัสดิภาพ และคุณภาพชีวิตของชุมชนจากปญหาการพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมต่อไป
สุดท้ายขอขอบคุณคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดแรกที่เปิดโอกาสให้ได้เข้าร่วมท างาน
ที่มีคุณค่าตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมุ่งมั่นของคุณวสันต์ พานิช และคุณสุนี ไชยรส ที่เป็นตัวอย่างที่ดียิ่งใน
่
การท างานด้านสิทธิของประเทศไทย คณะอนุกรรมการที่ได้ร่วมงาน และเจ้าหน้าที่ฝายเลขานุการที่ได้ร่วมเดินทาง
และท างานกันอย่างเข้มข้นทุกๆท่าน
คณะผู้ศึกษา