Page 87 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 87

70



                       เพียงแต่ทางออกนั้นเริ่มด้วยการให้ความส้าคัญกับการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน โดยในปี พ.ศ.
                       2530–2537 ชาวบ้านและกรรมการหมู่บ้านได้ริเริ่มพูดคุย ปรึกษาหารือถึงปัญหา และหาทางออกเพื่อ

                       แก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาขั้นต้นที่ชุมชนเลือกใช้ร่วมกันคือ การอนุรักษ์

                       ทรัพยากรป่าไม้อันเป็นที่มาของแหล่งน้้าและความอุดมสมบูรณ์ของดิน เช่น การบวชป่า จากนั้นจึงได้
                       แต่งตั้ง “คณะกรรมการป่าของต้าบลและหมู่บ้าน” เพื่อออกกฎ ระเบียบ ในการดูแลและใช้ประโยชน์

                       จากทรัพยากรป่าไม้ร่วมกัน ขณะที่ทรัพยากรน้้านั้นชุมชนแม่ทายังคงเลือกใช้การจัดการด้วย “ระบบ

                                2
                       เหมืองฝาย ” ซึ่งเป็นการจัดการน้้าด้วยความเชื่อและภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนแม่ทาเอง และมีการ
                       ออกกฎและระเบียบการใช้น้้าร่วมกัน

                              ต่อมาในปี พ.ศ. 2536 รูปแบบการจัดการทรัพยากรของชุมชนเริ่มจัดตั้งองค์กรด้านป่าชุมชน

                       และสร้างระเบียบการดูแล จัดการ และใช้ประโยชน์จากป่า โดยใช้ “สภาต้าบล” เป็นกลไก
                       ประสานงานหลัก มีตัวแทนระดับหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 15 คน (ตัวแทนคนในชุมชน) ขึ้นมาเป็น

                       กรรมการระดับต้าบล และได้ด้าเนินการทบทวนผลการด้าเนินงานตลอดระยะเวลา 10 ปี พร้อมตั้ง

                       “เครือข่ายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติต้าบลแม่ทา” ในปี พ.ศ. 2546 (ศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคน
                       กับป่า – ประเทศไทย, 2557) กิจกรรมหลักที่เครือข่ายได้ด้าเนินงานร่วมกัน ได้แก่ (1) การจัดเวทีเพื่อ

                       ติดตามการท้างานด้านการจัดการทรัพยากรของเครือข่ายทุก 3 เดือน (2) ประชุมคณะกรรมการป่า
                                                                                               3
                       ระดับต้าบล (3) การออกตรวจป่า (4) การเลี้ยงผีขุนน้้า (5) การด้าเนินการจับพิกัด GPS  ในพื้นที่ดิน
                       ในเขตป่า แบ่งโซนพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน (6) การจัดท้าแผนที่จ้าลองในแต่ละหมู่บ้าน (7) การจัดเวที





                       2  ระบบเหมืองฝาย มาจากค้าว่า “เหมือง” หมายถึง คลองส่งน้้าที่ขุดขึ้นเพื่อรับน้้าจากการทดน้้าบริเวณฝายเป็นการ
                       ผันน้้าจากแม่น้้าไปสู่แหล่งเพาะปลูก และ “ฝาย” หมายถึง วัตถุที่สร้างขวางทางเดินของแม่น้้าและล้าห้วยธรรมชาติ
                       เพื่อทดระดับน้้าในแม่น้้าหรือล้าห้วยให้สูงขึ้นจนถึงระดับที่ต้องการ ในอดีตฝายจะสร้างด้วยไม้หรือหินแต่ในปัจจุบัน

                       นิยมสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ดังนั้น ระบบเหมืองฝายจึงหมายถึง โครงสร้างทางกายภาพของฝายและล้าเหมือง
                       หนึ่ง ๆ ซึ่งมีส่วนส้าคัญในการก้าหนดรูปแบบหรือโครงสร้างการบริหารจัดการน้้าเพื่อการเกษตร โดยระบบเหมือง
                       ฝายใดมีโครงสร้างขนาดใหญ่จะมีองค์กรเหมืองฝายที่มีลักษณะเป็นทางการ โดยมีบุคคลที่ด้ารงต้าแหน่งแก่เหมือง/

                       แก่ฝาย (บุคคลที่เกษตรกรในระบบเหมืองฝายหนึ่ง ๆ ร่วมกันเลือกขึ้นมาเพื่อท้าหน้าที่ในการระดมแรงงานและ
                       ทรัพยากรเพื่อควบคุมการท้างานด้านการบ้ารุงรักษาเหมืองฝาย ตลอดจนการจัดสรรน้้าและการแก้ไขความขัดแย้งที่
                       เกิดจากการใช้น้้า ซึ่งแก่เหมืองแก่ฝายนั้นเป็นการจัดความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกรด้วยกันเองในเขตภาคเหนือ

                       ตอนบน)/ล่ามเหมืองเป็นผู้ดูแล ส่วนระบบเหมืองฝายที่มีโครงสร้างขนาดเล็กจะมีเกษตรกรในเขตพื้นที่นั้น ๆ เป็นผู้
                       นัดหมายกันเองเพื่อก้าหนดวันเวลาบ้ารุงรักษาหรือซ่อมแซมเหมืองฝาย (ชัยพันธุ์  ประภาสะวัต, 2547)
                       3  GPS ย่อมาจาก Global Positioning System มีชื่อในภาษาไทยว่า “ระบบก้าหนดต้าแหน่งบนโลก” โดยเป็น

                       ระบบการค้นหาต้าแหน่งและน้าทางด้วยดาวเทียมซึ่งถูกพัฒนากระทั่งเสร็จสมบูรณ์และน้ามาใช้งานในปี ค.ศ. 1990
                       (อรพิมพ์ มงคลเคหา, 2550)
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92