Page 219 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 219
218 รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นตำาแหน่งรัฐมนตรีจึงอาจไม่จำาเป็นและทำาให้ล่าช้าและ
เนื่องจากคณะกรรมการทั้งสองคณะเป็นหน่วยกำากับผู้ควบคุมข้อมูลที่เป็นภาคเอกชนด้วยกัน จึงควร
มีลักษณะที่ใกล้เคียงกันและควรกำาหนดให้ชัดเจนว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ควรคำานึงถึงสัดส่วนของหญิงและชาย
๖) คณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการ) สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรทบทวนร่างพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ มาตรา ๕๐ วรรคหนึ่ง ให้มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับใบรับรองจากสำานักงานมีสิทธิใช้หรือแสดงเครื่องหมาย
ดังกล่าว โดยควรเพิ่มเติมบทบัญญัติว่า รวมทั้งอาจเพิกถอนหรือระงับหรือพักใช้เครื่องหมายรับรอง
มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำาหรับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เคยได้รับเครื่องหมายรับรอง
มาตรฐานแล้ว แต่ต่อมาไม่อาจรักษามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในความรับผิดชอบได้
ผลการดำาเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำาหรับความเห็นของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่มีอำานาจหน้าที่ในเรื่องนี้ สำานักเลขาธิการ
คณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๕/๒๒๑๗๐ ลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ แจ้งว่า
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำานักงาน
ปลัดสำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร) พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
(ธนาคารแห่งประเทศไทย) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำานักงานตำารวจแห่งชาติ สำานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ
คมนาคมแห่งชาติ แพทยสภา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จัดทำารายงานผลการพิจารณาหรือผลการ
ดำาเนินงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วแจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำาเนินการเพื่อประกอบ
การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป