Page 170 - รายงานเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 170

สำาหรับ ๓๕ ฐานความผิด อาทิ การลอบวางเพลิง การติดสินบน การคอรัปชั่น ความผิดที่เกี่ยวข้อง
                     กับยาเสพติด  การรวมกลุ่มแก๊งในการปล้น  การค้ามนุษย์ที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิต  การลักพาตัว

                     เพื่อเรียกค่าไถ่ การฆาตกรรมในคดีอุกฉกรรจ์ การข่มขืนแล้วฆ่า และความผิดในคดีอุกฉกรรจ์อื่น ๆ

                     ที่ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต การก่อการร้ายซึ่งประกอบด้วยการทำาลายสถานที่ของส่วนรวม สถานที่
                     ทางศาสนา หรือแหล่งขนส่งมวลชน การจี้เครื่องบินที่ไม่ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิต การกบฏ การกระทำาผิด
                     ต่อเชื้อพระราชวงศ์ การกระทำาผิดต่อความมั่นคงของรัฐ การให้การสนับสนุนต่อศัตรูในการทำาลาย

                     ประเทศชาติ และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เป็นต้น



                             ก�รใช้โทษประห�รชีวิตในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับย�เสพติด
                             จากขอบเขตของอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดตามข้อเสนอขององค์การสหประชาชาติ

                     ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมการกระทำาผิดที่มีเจตนาในการฆาตกรรมโดยมีผลทำาให้ผู้อื่นเสียชีวิต อย่างไร

                     ก็ตามนักโทษประหารในประเทศไทยส่วนใหญ่กระทำาผิดในคดียาเสพติด  โดยมีความเกี่ยวข้องกับ
                     ยาเสพติดที่มีปริมาณมาก  ดังจะเห็นได้จากข้อกำาหนดทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติ
                     ยาเสพติดให้โทษ  (ฉบับที่  ๕)  พ.ศ.  ๒๕๔๕  ที่กำาหนดให้ความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่มี

                     กำาหนดโทษสูงสุด  คือ  การต้องโทษประหารชีวิต  อย่างไรก็ตาม  จากข้อกำาหนดของกฎหมาย

                     ดังกล่าวข้างต้นได้กำาหนดให้ผู้กระทำาผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประกอบด้วย ผลิต นำาเข้า หรือส่งออก
                     รวมทั้งจำาหน่าย  หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำาหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท  ๑  ยาเสพติด
                     ชนิดร้ายแรง  มี  ๓๘  รายการ  เช่น  เฮโรอีน  แอมเฟตามีน  อีเทอร์ฟิน  เมทแมเฟตามิน  ฯลฯ

                     จะต้องโทษประหารชีวิต  อันแสดงให้เห็นว่าตามกฎหมายไทยผู้ที่กระทำาผิดที่เกี่ยวข้องกับ

                     ยาเสพติดในประเภทที่  ๑  ถือเป็นการกระทำาผิดที่รุนแรงจะต้องรับโทษประหารชีวิต  ซึ่งหาก
                     พิจารณาตามข้อกำาหนดของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เป็นกฎหมายที่กำาหนดไว้โดยมีความสอดคล้อง
                     กับเจตนารมณ์ขององค์การสหประชาชาติที่ได้กำาหนดขอบเขตของอาชญากรรมร้ายแรงที่สุด

                     คือ  พฤติกรรมการกระทำาผิดที่มีเจตนาในการฆาตกรรมโดยมีผลทำาให้ผู้อื่นเสียชีวิต  เนื่องจาก

                     พฤติกรรมการผลิตหรือการจำาหน่ายยาเสพติดทำาให้ผู้เสพยาเสพติดมีปัญหาด้านสุขภาพกาย
                     และสุขภาพจิตอันส่งผลต่อการเสียชีวิตในระยะยาว  หรือผู้ติดยาเสพติดอาจเปรียบเสมือน
                     ผู้ที่ตายทั้งเป็น เนื่องจากไม่สามารถควบคุมสภาพร่างกายและสภาพจิตใจได้ นอกจากนี้ การเสพ

                     ยาเสพติดยังส่งผลทางอ้อมต่อประชาชนทั่วไปในสังคม  เนื่องจากผู้เสพยาเสพติดอาจประกอบ

                     อาชญากรรมเพื่อให้ได้เงินมาซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ  นอกจากนี้  ผู้ที่เสพยาเสพติดส่วนหนึ่งเมื่อเสพ
                     ยาเสพติดแล้วอาจมีอาการคลุ้มคลั่งจนทำาร้ายร่างกาย  หรือฆาตกรรมบุคคลรอบข้างได้  เพราะ
                     ยาเสพติดที่ทำาให้เกิดอาการประสาทหลอน ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าการลงโทษประหารชีวิตสำาหรับ

                     การกระทำาผิดคดีการผลิต/จำาหน่ายยาเสพติดร้ายแรงอาจสอดคล้องกับเจตนารมณ์ขององค์การ

                     สหประชาชาติที่ได้กำาหนดขอบเขตของอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดดังกล่าวข้างต้น  เพราะการผลิต
                     หรือค้ายาเสพติด เปรียบเสมือนการเจตนาที่จะฆาตกรรมบุคคลในสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม






                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 157
   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175