Page 121 - รายงานเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 121
ดังนั้น จากข้อกำาหนดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มีการพัฒนาเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวไทย
มากขึ้น รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของผู้กระทำาผิดที่จะไม่ต้องได้รับโทษที่มีความโหดร้ายทารุณ
หากแต่ประเทศไทยได้มีการกำาหนดการบังคับใช้โทษประหารชีวิตในกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้อง
จึงมีความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และทำาให้ประเทศไทยยังคง
มีการบังคับใช้โทษประหารชีวิต ดังนั้น แนวทางในอนาคตที่เหมาะสมของประเทศไทยต่อการยกเลิก
โทษประหารชีวิต อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกฎหมายที่มีความเหมาะสมให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
ที่กำาหนดไว้ คือ การยกเลิกโทษประหารชีวิต
๒.๕ โทษประห�รชีวิตกับหลักก�รที่สำ�คัญในสังคมไทย
สำาหรับโทษประหารชีวิตกับหลักการที่สำาคัญในสังคมไทย ปรากฏดังนี้
๒.๕.๑ หลักก�รท�งศ�สน�และศีลธรรม
แนวคิดท�งศ�สน�ที่เกี่ยวข้องกับก�รประห�รชีวิต
สำาหรับแนวคิดทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับการประหารชีวิต ประกอบด้วย
ศ�สน�พุทธ
ศาสนาพุทธมีข้อกำาหนดที่เกี่ยวข้องกับการประหารชีวิต คือ ข้อกำาหนดในศีล ๕
ข้อ ๑ ที่กำาหนดไม่ให้มีการฆ่าสัตว์
ดังนั้น การประหารชีวิตผู้ที่นับถือศาสนาพุทธหรือไม่ได้นับถือศาสนาพุทธจึงเป็น
สิ่งที่ขัดต่อหลักคำาสอนของพุทธศาสนา เพราะการประหารชีวิตเป็นการลงโทษที่เป็นการทำาลายชีวิต
ร่างกายผู้กระทำาผิด อันถือได้ว่าการประหารชีวิตผู้กระทำาผิดในประเทศไทยเป็นการขัดต่อหลักศาสนา
ที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือ อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ประชาชนโดยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
แต่ยังคงมีโทษประหารชีวิตในประเทศดังกล่าว เช่น ประเทศไทย พม่า ศรีลังกา มองโกเลีย อินโดนีเซีย
และญี่ปุ่น ยังคงมีโทษประหารชีวิต เป็นประเด็นที่สร้างความสงสัยให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
(Capital Punishment, 2008)
สำาหรับจุดมุ่งหมายพระพุทธศาสนา คือ การสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต
ของมวลมนุษย์ทุกหมู่เหล่า พระพุทธศาสนาได้สอนว่า ทุกชีวิตมีสิทธิ์ต่อชีวิต แม้เพียงความคิด
จะทำาลายล้างสิ่งมีชีวิตด้วยกันก็เป็นความผิด คือ เป็นบาปแล้วในความเชื่อทางพระพุทธศาสนา
และความเชื่อในพระพุทธศาสนา เชื่อว่าแหล่งต้นตอของความชั่วร้ายในการกระทำาของมนุษย์นั้น
มาจากความคิดด้านร้าย คือ อกุศลจิต ซึ่งเป็นมโนกรรม อันนำามาไปสู่การก่อวจีกรรมและนำาไปสู่
108 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ