Page 210 - เสียงจากประชาชน การต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดิน กรณีร้องเรียน 2545-2550. เล่ม 4 : "ที่ดินในเขตป่าและสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและป่า"
P. 210

หมูที่ ๑, ๓, ๖ ที่มีที่ตั้งชุมชนอยูใน ต.ปากลาง อ.ปว  หนังสือรองเรียนถึงนายอำเภอเชียงกลาง  เมื่อ
               จ.นาน แตมีที่ทำกินอยูบนลุมน้ำกอนและน้ำเปอ  ประมาณตนป ๒๕๔๒ รองเรียนวา มีชาวมงบาน
               (บางสวน) ใน ต.เชียงกลาง อ.เชียงกลาง จ.นาน ที่  ปากลางไดบุกรุกพื้นที่ทำลายปาตนน้ำลำธารในพื้น
               จะตองเดินทางไปมาระหวางชุมชนกับพื้นที่ทำกิน  ที่ตนน้ำเปอ-น้ำกอน โดยซื้อที่ดินจากชาวถิ่นจำนวน

               โดยมีการแยกเขตการปกครอง อ.เชียงกลาง แยก    มากทำสวนลิ้นจี่ ทางอำเภอตรวจสอบพื้นที่แจงผลวา
               ออกมาจาก อ.ทุงชาง เมื่อป ๒๕๑๐ รวมทั้งพื้นที่  มีพื้นที่ปาถูกบุกรุก ๑๕,๐๐๐ ไร ในเดือนกุมภาพันธ
               บานน้ำเปน อ.ทุงชาง ใหมาขึ้นกับ อ.เชียงกลาง   ๒๕๔๒  อำเภอประกาศใหชาวมงออกจากพื้นที่
                     ระหวางป ๒๕๒๓-๒๕๒๕ ชาวมงเหลานี้ได  ภายใน ๓๐ วัน ชาวมงทำเรื่องขอผอนผัน และเสนอ
               รับการสงเสริมจากนโยบายการเกษตรใหปลูกพืช  แนวทางการแกไขปญหา จากนั้นชาวพื้นราบไดทำ
               เมืองหนาว กะหล่ำปลี ขาวโพด ลิ้นจี่ โดยเฉพาะลิ้นจี่  เรื่องรองเรียนอีก นายอำเภอยืนยันประกาศใหชาวมง
               เปนพืชที่ตองปลูกในที่ดินที่มีระดับความสูง ๕๐๐-๗๐๐  ออกจากพื้นที่ และมีหนังสือยืนยันถึงจังหวัดใหชาว
               เมตรจากระดับน้ำทะเล ในชวงป ๒๕๒๘ เจาหนาที่รัฐ  มงออกจากพื้นที่ภายในวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๒
               จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ไดนำ   ชาวมงจึงประสานงานกับองคกรเครือขายชาวไทย

               พันธุลิ้นจี่เขาไปแจกตามนโยบายทดแทนการปลูกฝน  ภูเขา ขอขยายเวลาผอนผันออกไปอีก ๓ เดือนนับ
               ที่บานปางแก และบานปากลาง ทำใหบริเวณพื้นที่  จากวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๔๒
               ดังกลาวมีการทำสวนลิ้นจี่เปนจำนวนมาก ทั้งชาว   เดือนเมษายน ๒๕๔๒ เครือขายสมัชชา
               มงบานปางแก และบานปากลาง ชาวถิ่นบานหนอง  ชนเผาแหงประเทศไทย ไดผลักดันใหมีการแกไข
               ปลา มงบานคางฮอ ซึ่งตางมีพื้นที่ทำกินบริเวณ  ปญหาที่ดินทำกินและปาไม โดยมีมติคณะรัฐมนตรี
               ตนน้ำเปอ - น้ำกอน ใชพื้นที่สวนใหญเพื่อปลูกลิ้นจี่  ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒ เรื่อง การเจรจาแกไขปญหา
               ระหวางป ๒๕๓๐-๒๕๓๕ มีการขยายพื้นที่ปลูกมาก  ความเดือดรอนของเกษตรกรภาคเหนือ ระหวางการ

               จนทำใหราชการประกาศใหผูทำกินบริเวณตนน้ำ  แกไขปญหาใหยุติการจับกุม  ขมขู  คุกคาม  และ
               เปอ - น้ำกอนในปาภูคา และปาผาแดงตองแจงสิทธิ  ละเมิดสิทธิ โดยมีผลถึงเรื่องชาวมงบานปากลาง
               ทำกินในพื้นที่เพื่อเก็บภาษีบำรุงทองที่ และในป  โดยตรง ระบุวากรณีปญหามงบานปากลาง ต.ปากลาง
               ๒๕๓๑ กรมปาไมไดประกาศใหปาดอยภูคาและ    อ.ปว จ.นาน นั้น รัฐบาลจะคุมครองสิทธิชั่วคราว
               ปาผาแดง เปนปาสงวนแหงชาติ โดยกอนหนานี้มี  กอนการพิสูจนสิทธิ ไมจับกุมคุมขัง ขึ้นทะเบียน
               การแจงเสียภาษีบำรุงทองที่ เมื่อป ๒๕๓๕ แมวา  ขอบเขตพื้นที่ทำกินเดิม ชี้เขตและปกหมุดที่ทำกิน
               กอนหนานั้นชาวมงเคยยื่นแบบสำรวจเพื่อเสียภาษี  และพื้นที่สวนรวม  เพื่อสำรวจรายแปลงปกหมุด
               บำรุงทองที่มาแลวในป พ.ศ.๒๔๙๖ ชาวมงจึงเชื่อ  คุมครองที่ทำกินชั่วคราว มีการพิสูจนสิทธิ มีคณะ
               วาที่ดินที่ทำกินนั้นทำกินไดโดยถูกตอง เพราะตั้งถิ่น  กรรมการฯ ชวยเหลือติดตาม

               ฐานมากอนที่ทางราชการประกาศเขตปาสงวนฯ          เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๒ มีการจัดตั้งคณะ
                                                          กรรมการสำรวจพื้นที่ขึ้นมา ๑ ชุด ประกอบดวยชาว
                      à«π∑’Ë Ú กลาวถึงลำดับเหตุการณความ  ไทยพื้นราบ  และชาวไทยภูเขาบนพื้นที่สูง  เพื่อ
               ขัดแยงกรณีตัดฟนตนลิ้นจี่ของชาวมงบานปากลาง  สำรวจพื้นที่วามีการบุกรุกทำกินมากนอยแคไหน
               และกระบวนการแกไขปญหา                     แตเมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีวันที่  ๑๑  พฤษภาคม
                     ความขัดแยงเริ่มตนเมื่อมีชาวพื้นราบ  ๔  ๒๕๔๒ เรื่องกระบวนการในการพิสูจนในพื้นที่ปาไม
               ตำบล คือ เชียงกลาง พระธาตุ เปอ พญาแกว สง  ไดระงับไปในสวนของจังหวัดนาน  และหันไปใช


                                                                              เสียงจากประชาชน
                                                     “ที่ดินในเขตปาและสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและปา”   209
   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215