Page 51 - กฎหมายและระเบียบงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 51
๕
มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐ
หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีค าสั่งมิให้เปิดเผยก็ได้ โดยค านึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของ
หน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะท าให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจส าเร็จ
ตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ
หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม
(๓) ความเห็นหรือค าแนะน าภายในหน่วยงานของรัฐในการด าเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทั้งนี้
ไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่น ามาใช้ในการท าความเห็น
หรือค าแนะน าภายในดังกล่าว
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ าสิทธิส่วนบุคคล
โดยไม่สมควร
(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มา
โดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการน าไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
ค าสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะก าหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วย
ว่าที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีค าสั่งเปิดเผย
ข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นดุลพินิจ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามล าดับสายการบังคับบัญชา
แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่ก าหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อ
บุคคลใดได้หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใด และสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐก าหนด
วิธีการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีก าหนดว่าด้วยการรักษาความลับ
ของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบ
ถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอค าคัดค้านภายในเวลาที่ก าหนด แต่ต้อง
ให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอค าคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบ
ถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยท าเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่
ของรัฐผู้รับผิดชอบ
ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาค าคัดค้านและแจ้งผลการ
พิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่มีค าสั่งไม่รับฟังค าคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผย
ข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นก าหนดเวลาอุทธรณ์ตามมาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้มีค าวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้ แล้วแต่กรณี
45