Page 92 - สมเด็จพระราชินีนาถกับงานสิทธิมนุษยชน
P. 92
ปลายทางของการศึกษาที่สมบูรณ์พร้อม
การศึกษาในพระราชทัศนะของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นั้นมีแง่มุม
ที่งดงามและเป็นแง่มุมที่สำาคัญกล่าวคือ นอกจากเป็นการพัฒนาให้ผู้ที่ได้รับการศึกษาสามารถเลี้ยง
ตัวเองและครอบครัวได้แล้ว การศึกษาจะก่อให้เกิดประโยชน์ยิ่งใหญ่หากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
จะได้ใช้ความพร้อมของตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำาประโยชน์ให้แก่
ประเทศชาติบ้านเมือง ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชดำารัส
ในพิธีพระราชทานอนุปริญญาบัตรการศึกษาวิชาพยาบาล ประกาศนียบัตรผดุงครรภ์ และอนุปริญญา
บัตรพยาบาลและอนามัย ณ หอประชุมราชแพทยาลัย เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ ทรงเล่า
ประสบการณ์ในการตามเสด็จพระราชดำาเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปต่างประเทศว่า
“...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำารัสแก่นักเรียน
ไทยว่า การที่ได้มีโอกาสมาศึกษาในต่างประเทศ นับว่าเป็นโชคดียิ่ง แต่เมื่อศึกษา
สำาเร็จแล้ว ขอให้นึกถึงประเทศชาติบ้าง ประเทศไทยกำาลังต้องการความช่วยเหลือ
จากคนไทยทุกคน ขอให้กลับไปทำางานให้ชาติบ้านเมือง มีนักเรียนหญิงทุน
ส่วนตัวผู้หนึ่งที่เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลว่า เดิมตั้งใจจะอยู่ทำางานในต่างประเทศ
แต่เมื่อได้ฟังพระราชดำารัสแล้วก็เปลี่ยนใจ เขามีความเห็นว่า ควรกลับไปทำางาน
ให้แก่ชาติ รู้สึกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยินดีมาก เพราะเคยทรงมี
พระราชปรารภว่า “เรามาครั้งนี้เหนื่อยเหลือเกิน นอนก็น้อย บางครั้งแทบทรงตัว
ไม่อยู่”...แต่เมื่อได้ทรงฟังนักเรียนไทยผู้นั้นกราบบังคมทูล ก็ทรงมีพระทัยปีติ
เพราะพระราชดำารัสนั้นได้ผลสมพระราชหฤทัย...”
และอีกคราวหนึ่งที่ได้พระราชทานพระราชดำารัสแก่ นักเรียนของโรงเรียนจิตรลดาในงาน
ปิดภาคการศึกษาของโรงเรียน ณ หอประชุมโรงเรียนจิตรลดา เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
มีความตอนหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องสติปัญญาซึ่งคนทั่วไปมักจะเข้าใจว่า ผู้ที่มีสติปัญญาดีคือ ผู้ที่สามารถ
ศึกษาเล่าเรียนได้คะแนนสูง ทรงอธิบายว่า
“...สติปัญญานี้ไม่ได้หมายความถึง ความทรงจำาที่ได้มีมันสมองที่ดี
ส่วนหนึ่งของมันสมองที่ดี สามารถเก็บคำาสั่งสอนเอาไว้ในมันสมองอันนั้น เรียกว่า
มีมันสมองที่มีความทรงจำาที่ดี สามารถเก็บคำาสั่งสอนไว้ได้ แต่สติปัญญาในที่นี้
หมายถึงว่า เอาความรู้ที่เราเก็บเอาไว้จากผู้รู้สั่งสอนแล้วไปแยกแยะพิจารณาว่า
สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร สิ่งใดถูกต้องสิ่งใดไม่ถูกต้อง...”
ในเวลาใกล้เคียงกัน ถัดจากนั้นอีกเพียงสิบวัน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้พระราชทานพระราโชวาทในโอกาสที่เสด็จพระราชดำาเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานกระบี่แก่
ว่าที่ร้อยตำารวจตรีที่สำาเร็จการศึกษา ที่โรงเรียนนายร้อยตำารวจสามพราน เมื่อวันที่ ๘ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๑๘ มีความตอนหนึ่งว่า
92 ส ม เ ด็ จ พ ร ะ บ ร ม ร า ชิ นี น า ถ กั บ ง า น สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น