Page 20 - สิทธิของบุคคลในครอบครัว กรณีการกล่าวคำสาบานตนก่อนเบิกความเป็นพยานในศาลของแต่ละศาสนามีความแตกต่างกัน
P. 20

ศาลอุทธรณ์ ภาค ๑  ให้ศาลชั้นต้นดำาเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนแล้วมีคำาสั่งหรือคำาพิพากษาใหม่
                    ตามรูปคดี

                              ทั้งนี้ ผู้แทนสำานักงานศาลยุติธรรม ผู้แทนสำานักงานศาลปกครอง และผู้แทนกรม-
                    พระธรรมนูญ รับว่า จะนำาข้อมูลที่ได้จากการประชุมไปปรับปรุงเพื่อให้รูปแบบคำาสาบานหรือคำาปฏิญาณ

                    เป็นไปในรูปแบบเดียวกันและมีแนวทางการปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็น
                    ระบบในทุกชั้นศาล และเพื่อความเป็นสากล โดยรูปแบบตัวอย่างคำาสาบานควรที่จะเป็นการเฉพาะตัว
                    ของบุคคลที่กล่าวคำาสาบาน และต้องคำานึงถึงการกล่าวถึงครอบครัว ซึ่งไม่ควรมีการอ้างถึงครอบครัว

                    ในทุกศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                    พุทธศักราช ๒๕๕๐

                              ส่วนกรณีคำาสั่งศาลชั้นต้นที่เห็นว่าคำาอุทธรณ์ของผู้ร้องมีลักษณะประชดประชันศาล จึงให้
                    ผู้ร้องแก้ไขและยื่นต่อศาลภายใน ๗ วัน ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าศาลไม่ได้แจ้งเหตุผลว่าคำาอุทธรณ์ของผู้ร้องมี

                    ลักษณะประชดประชันอย่างไร เป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถแก้คำาอุทธรณ์ได้นั้น คำาสั่งดังกล่าวขัดหรือแย้ง
                    ต่อมาตรา ๔๐ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ หรือไม่ เนื่องจากประเด็น

                    ดังกล่าวคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านคดีสิทธิมนุษยชน
                    เพื่อพิจารณาการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรม พิจารณา
                    ดำาเนินการ

                          ๕.๒ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

                              คณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่
                    ไม่เป็นธรรมจึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในภาพรวมต่อสำานักงานศาลยุติธรรม  สำานักงาน
                    ศาลปกครอง และกรมพระธรรมนูญ เพื่อพิจารณาถึงรูปแบบและถ้อยคำาหรือข้อความคำาสาบาน

                    หรือคำาปฏิญาณให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกันและมีแนวทางการปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อ
                    ให้เกิดความเป็นระบบในทุกชั้นศาลและเพื่อความเป็นสากล โดยรูปแบบตัวอย่างคำาสาบานควรที่จะ

                    เป็นการเฉพาะตัวของบุคคลที่กล่าวคำาสาบาน ซึ่งไม่ควรมีการอ้างถึงครอบครัวในทุกศาสนา เพื่อให้
                    สอดคล้องกับมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
                    และหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป



                    ๖.  คว�มเห็นและมติคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ

                          คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในคราวประชุม ครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม
                    ๒๕๕๕  พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบด้วยกับความเห็นและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะอนุกรรมการ

                    ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  โดยให้มีข้อเสนอแนะ
                    เชิงนโยบายในภาพรวมต่อสำานักงานศาลยุติธรรม สำานักงานศาลปกครอง และกรมพระธรรมนูญ เพื่อ

                    พิจารณาตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในภาพรวมข้างต้น  และมอบหมายให้สำานักงานคณะกรรมการ
                    สิทธิมนุษยชนแห่งชาติขอทราบและติดตามผลการดำาเนินการเพื่อประเมินผลต่อไป


                                                              คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


                                                                                                          19

                                              สิทธิของบุคคลในครอบครัว กรณีการกล่าวคำาสาบานตนก่อนเบิกความเป็นพยานในศาลของแต่ละศาสนามีความแตกต่างกัน
                                         ทำาให้กระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นการกระทำาที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25